วันนี้ (22 เม.ย.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยทั้ง 3 คนก็ทำงานเต็มที่ ช่วงหลังนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ช่วยดูเรื่องไฟป่า PM 2.5 ที่เชียงใหม่อย่างเต็มตัว พร้อมมอบหมายให้ดูกรมพัฒนาชุมชนอีกหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งนายเกรียง ก็ทำงานได้อย่างเต็มที่ดี
- “เศรษฐา-ปานปรีย์” ลุยแม่สอดพรุ่งนี้ ยันมีแผนรับผู้อพยพ
- โควิด JN.1 อาการไม่รุนแรง “กลุ่ม 608-ไม่ฉีดวัคซีน” ให้ฉีดป้องกัน
ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการขยับอยู่ที่เดิมใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จากการสอบถามอย่างไม่เป็นทางการ ได้ยืนยันไปว่า “ไม่มี” ซึ่งนายกรัฐมนตรียังไม่เคยหารือว่าขอเปลี่ยนแปลงโยกเก้าอี้ไปกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ คิดว่าการเมืองคงไม่มีใครอยากทำให้กระเพื่อม
ถ้าไม่จำเป็นหรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วมันดีขึ้นอย่างมีนัยนะสำคัญทันทีทันตาเห็นหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นส่วนองค์ประกอบของรัฐบาลชุดนี้มาตั้งแต่แรก ยังไม่มีความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้น
ตนมีหน้าที่ประเมินการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีทั้ง 8 คนด้วยตัวเอง ถ้าคนไหนไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความสามารถ คนประเมินคนแรกต้องเป็นตน ไม่ใช่ให้คนอื่นมาประเมิน เพราะต้องรับผิดชอบในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
นายอนุทิน ยืนยันว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. และยังไม่ทราบว่า ปรับหรือไม่ ยังไม่มีใครไปถามนายกรัฐมนตรี และไม่มีใครเขาถามกัน ส่วนต้องรอปรับ ครม.ในช่วงกลางหรือปลาย พ.ค.หรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ถามกี่ครั้งก็พูดเหมือนกันว่า ต้องถามนายกรัฐมนตรีคนเดียว
ในส่วนของรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทำงานกันเต็มที่ทุกคน ได้ผลักดันภารกิจและนโยบายต่างๆ ก็มีความคืบหน้ามาโดยตลอด
ส่วนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ทางพรรคภูมิใจไทย หรือในพรรคร่วม มีเรื่องใดที่ท้วงติงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างถ้ามันถูกต้องตามกฏหมาย ก็ต้องถือว่าสามารถทำได้ เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตอนนี้ก็ต้องถือว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะพรรคร่วมก็ต้องช่วยกันสนับสนุน เพราะว่าแต่ละพรรคมีนโยบายของตัวเอง ก็ต้องสนับสนุนของทุกพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายให้สู่ความสำเร็จ และสะดวกรวดเร็ว
ส่วนการทำประชามติ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นข่าวที่จะให้มีการทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งจะมีการนำเข้าที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ ซึ่งการทำประชามติครั้งแรกจะถามว่า ครั้งที่ 1.เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2560 โดยไม่แตะหมวด 1 และ 2 หรือไม่ ครั้งที่ 2.แก้ไขเกี่ยวกับมาตรา 256
ส่วนครั้งที่ 3.สอบถามความเห็นประชาชนว่า เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขแล้วหรือไม่ ถ้ามีความจำเป็นไม่ขัดต่อกฏหมายโดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ที่ถือเป็นสัญญาที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคได้แถลงต่อประชาชนไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางเดียวกัน
อ่านข่าว : “ภูมิธรรม” เผย ปัดหารือปรับ ครม.วงกินข้าวเที่ยงพรรคร่วม