วันนี้ (29 เม.ย.2567) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค และ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ แถลงการจัดกิจกรรม 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการจัดกิจกรรมสรุปการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย และสรุปผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ภายใต้ธีมงาน 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 ตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินในวันที่ 1 ก.ย.2566 จนถึงวันนี้นับเป็นเวลากว่า 240 วัน หรือประมาณ 9 เดือนแล้ว ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่เดือนที่ 10
นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง ทบทวนซึ่งในวันนี้ได้มาทบทวนถึงการตัดสินใจที่ทำการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องรอให้ สว.หมดอายุในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เพราะหากเรารอความสำเร็จที่กำลังจะทยอยออกมาก็จะไม่เกิดขึ้น
อ่านข่าว “เศรษฐา” ขอโทษ “ปานปรีย์” ยันรับผิดชอบคนผิดหวัง แย้มมีคนใหม่
นอกจากนี้ภายในงานจะมีการเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.ในนามของพรรคเพื่อไทย ส่วนหนึ่งเพื่อประกาศความพร้อม และความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมาของนายก อบจ.ในนามของพรรคเพื่อไทยในสมัยที่ผ่านมา ที่เคยได้รับความไว้วางใจและตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี รวมถึงจะมีการเปิดตัว “เพื่อไทยปาร์ตี้ อคาเดมี” ซึ่งจะเป็นการรวบรวมหรือและเก็บเกี่ยวผลงานของพรรคเพื่อไทยไว้
การที่เราไม่ต้องรอถึง 10 เดือน เพราะเวลาถือเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเวลาคือค่าใช้จ่ายที่มีราคาแพงที่สุด พรรคเพื่อไทยทำงานแข่งกับเวลาและพร้อมทำงานเติมนายกเติมทุกนโยบายที่ทำสัญญาไว้กับประชาชน
ด้าน ทพญ.ศรีญาดา กล่าวว่า ภายในงานจะมีการบอกเล่าถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งเป็น 1 ในนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ที่เราเคยได้ประกาศหาเสียงเอาไว้ ซึ่งขณะนี้มีการนำร่องใน 4 จังหวัดแรกสำเร็จ ถือเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567 ให้กับประชาชนได้ การย้ายโรงพยาบาลที่ไม่ต้องซักประวัติใหม่ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ สร้างความลำบากให้ประชาชน ก้าวที่เรากำลังเดินไปไม่เคยหยุดและก้าวต่อไปของนโยบายนี้ เราจะเดินให้ไวและไกลกว่าเดิม เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวก ลดต้นทุนในการรักษา ที่สำคัญคือค่าเดินทางให้มากที่สุด
ทพญ.ศรีญาดา กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ซอฟต์พาวเวอร์เป็นนโยบายสำคัญที่จะเปลี่ยนการสร้างรายได้ของประเทศสู่ภาคเศรษฐกิจจากวัฒนธรรมสร้างสรรค์ เป็นนโยบายที่เราทำก่อนหาเสียงและเราทำจริงและจะทำอย่างเป็นระบบด้วยการออกกฎหมายฉบับใหม่ สร้างองค์กรและองค์ความรู้รองรับ เพื่อให้ซอฟต์พาวเวอร์สร้างรายได้ให้กับประชาชนในระยะยาวและยั่งยืน
ขณะที่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า รัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของนายเศรษฐา จะใช้เวลาทุกวินาทีในการบริหารประเทศอย่างคุ้มค่าที่สุดและจะเดินหน้าผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนตามที่สัญญากับพี่น้องประชาชนเอาไว้ให้ได้
ภารกิจผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ให้ไว้กับประชาชน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก ที่ประชุม ครม.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และในที่สุดที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 มีมติเห็นชอบจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ
ตนมั่นใจว่า หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าอย่างมียุทธศาสตร์ และได้รับการสนับสนุนจากพลังของพี่น้องประชาชนอย่างท่วมท้น ก็จะมีโอกาสเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน
นายชนินทร์ กล่าวว่า ภายในงานจะเป็นการสรุปผลงานการเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมอย่างเป็นระบบ เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ในอดีต และได้เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในสมัยรัฐบาลนี้ โดยใน 10 เดือนนี้ เราได้ประกาศจุดยืนเพื่อโลจิสติกส์ ฮับ (Logistic Hub) ที่สำคัญของเอเชีย
เดินหน้าเชื่อมต่อการขนส่งผ่านระบบ รถ-เรือ-ราง และรันเวย์ ผ่านการเดินหน้ารถไฟความเร็วสูง เร่งรัดโครงข่ายรถไฟรางคู่ ขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และเสริมศักยภาพสนามบินนานาชาติทั้ง 4 แห่ง เพื่อเร่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ส่งเสริมการขนส่งสินค้า และการเดินทางระหว่างเมืองของประชาชน พร้อมความสำเร็จของการนำร่องโครงการรถไฟฟ้า 20บาทตลอดสาย
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า การเดินหน้าไปถึงเป้าหมายทุกเส้นทางในปี 2568 เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือทุกทาง เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของการรดน้ำหน้าบ้านทุกครัวเรือน กระตุ้นกำลังซื้อ กระตุ้นการลงทุน ให้เศรษฐกิจฐานรากโตทุกชุมชน วางรากฐานประเทศไปสู่ดิจิทัล อีคอโนมี (Digital Economy) และคืนศักดิ์ศรีประเทศไทยในเวทีโลกได้อีกครั้ง
อ่านข่าว
“ปานปรีย์” ประกาศลาออก รมว.ต่างประเทศ
โปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 “พิชัย” คุม “คลัง” ดัน”สมศักดิ์”นั่ง สธ.แทน”ชลน่าน
“พิสิฐ” ยื่น สตง.สอบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ชี้ส่งผลกระทบเสียหาย