‘พิมพ์ภัทรา’ รับห่วงหน้าฝนกากสารพิษปนเปื้อนลงน้ำ มองโรงงานไฟไหม้ ไม่ใช่แค่วางเพลิงทั่วไป แต่เป็น ‘ภัยความมั่นคง’ เผยทำงานเชิงรุก ปูพรมตรวจโรงงานสุ่มเสี่ยง โอดต้องใช้เวลาหา ลั่นคนทำผิดทำง่ายกว่า พร้อมย้ำขนกากแคดเมียมเปลี่ยนเป็นใส่ตู้คอนเทรนเนอร์แล้ว บอกอะไรที่คลายกังวลประชาชนก็จะทำ
วันที่ 7 พ.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการขนย้ายกากแคดเมียม ว่า ตนเป็นห่วงเรื่องฝน ขณะนี้พยายามขนกากแคดเมียมที่อยู่นอกอาคารเข้าไปเก็บในอาคาร และพยายามให้เป็นไปตามแผนอันไหนที่ปรับเพื่อคลายความกังวลจองประชาชนก็ทำ เช่น เรื่องรถขนส่ง เปลี่ยนมาใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด โดยเมื่อวานนี้ออกจากจังหวัดสมุทรสาครไปแล้ว 8 คัน ถึงที่หมายจังหวัดตากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังเคลื่อนถุงลงจากรถ
ส่วนจำนวนรถเพียงพอต่อการขนย้ายหรือไม่ พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า เราพยายามทำตามกำหนดการ ถ้ามีรถเพิ่มขึ้นก็จะดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีเหตุไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมบ่อยครั้ง พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ส่วนหนึ่งมาจากอากาศ ซึ่งตอนนี้มีการเฝ้าระวัง ล่าสุดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน โดยได้สั่งการให้แต่ละจังหวัด และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ออกสำรวจพื้นที่โรงงานที่มีความเสี่ยง ภายใน 20 วัน และนำรายชื่อเข้าคณะกรรมการและกระทรวงอุตสาหกรรมเองโดยทางกรมโรงงานได้แบ่งคณะไปตรวจเหมือนกัน แต่เรื่องนี้คงต้องระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือหน่วยงานต้องช่วยกัน
ส่วนที่กรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร วิเคราะห์ว่าเป็นการวางเพลิง เพื่อเลี่ยงกฎหมายใหม่ที่จะมาบังคับใช้ พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า คิดได้หลายมุม อันดับแรกกฎหมายบังคับแล้วว่าจะต้องเคลียร์กากตะกอนสารเคมีออกจากโรงงาน ถ้าคิดในมุมไม่ดี ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ การเผาไม่ต้องเสียค่ากำจัด ซึ่งผู้ประกอบการต้องยอมรับด้วยว่าการกระทำแบบนี้มีผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบจำนวนมาก เรื่องนี้คงเป็นเรื่องการวางเพลิงไม่ได้ จะต้องยกระดับความรุนแรง ปฏิบัติการแบบนี้หมายถึงความมั่นคงแล้ว ตนจึงขอความช่วยเหลือจากฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าตำรวจหรือดีเอสไอ เข้าไปดูแลเรื่องนี้ด้วย
พิมพ์ภัทรา ยังกล่าวอีกว่า โรงงานที่ถูกศาลสั่งให้คืนพื้นที่และต้องจัดการกับกากสารเคมีทราบว่ามีกี่เจ้า เพียงแต่เวลาทำไม่ดีทำได้ง่ายกว่า คนที่ไม่รับผิดชอบทำง่ายกว่าคนที่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีโรงงานในลักษณะดังกล่าว 6-10 โรงงาน
ส่วนจะเอาผิดโรงงานเหล่านี้ได้หรือไม่ พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า วันนี้ที่ทำควบคู่กันไปคือกรมโรงงานอุตสาหกรรมเสนอแก้กฎหมายเพิ่มโทษ พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นภัยความมั่นคง ที่ชาวบ้านโดยรับได้รับผลกระทบ เราไม่ได้มองแค่เรื่องไฟไหม้ แต่ยังมองไปถึงสภาพอาการที่ชาวบ้านต้องเจอ ส่วนที่เริ่มเข้าฤดูฝนขณะนี้มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมามอนิเตอร์เรื่องสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ ตนเข้าใจว่าประชาชนในพื้นที่เจอปัญหามากที่สุด พร้อมระบุว่า ยืนยันได้ลำบากว่าน้ำจะปนเปื้อนสารเคมีจากโรงงานลงสู่แหล่งน้ำหรือไม่ อย่างที่จังหวัดระยองและพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ได้ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.สร้างพนังกั้นน้ำ แต่ต้องดูว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ พร้อมยอมรับว่ามีความกังวล
พิมพ์ภัทรา กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงนี้ กมธ.การอุตสาหกรรมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงไปชี้แจงทุกสัปดาห์ ซึ่งสัปดาห์นี้หาไม่ติดธุระ ตนก็จะไป