หน้าแรก Thai PBS “ทักษิณ”กระชับอำนาจไร้รอยต่อ ส่ง “ภูมิธรรม” คุมความมั่นคง

“ทักษิณ”กระชับอำนาจไร้รอยต่อ ส่ง “ภูมิธรรม” คุมความมั่นคง

95
0
“ทักษิณ”กระชับอำนาจไร้รอยต่อ-ส่ง-“ภูมิธรรม”-คุมความมั่นคง

กระชับพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จและไร้ร้อยต่อ เมื่อ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้า ของพรรคเพื่อไทยตัวจริง แบ่งงานใหม่ให้เป็นรองนายกฯกำกับดูกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นงานด้านความมั่นคงอีกตำแหน่ง ภารกิจเพิ่มเติมจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ดูแลรัฐมนตรีช่วยในสังกัดยกกระทรวง

ไม่เพียงเท่านี้ “ภูมิธรรม”ในฐานะรมว.พานิชย์ นอกจากยังทำหน้าที่รองนายก กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ สำนักเลขาธิการนายกฯ กรมประชาสัมพันธ์,และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย

“ภูมิธรรม”คนเดียว ดูแลงานถึง 8 หน่วยงาน ทั้งที่ตามปกติทั่วไป“รองนายกฯ” หากมาจากพรรคการเมืองใด ก็มักจะกำกับดูแลกระทรวงในโควตาของพรรคตัวเอง และมักจะเกิดขึ้นน้อยครั้งที่จะมีการกำกับดูแลงานข้ามสาย-ข้ามกระทรวง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย มี”สุทิน คลังแสง”เป็นรมว.กลาโหม จึงอาจไม่แปลกที่จะมีรองนายกฯจากพรรคเดียวกันเข้ามาดูแล 

และปฎิเสธไม่ได้ ว่า การเป็นรองนายกฯ ที่มีอำนาจขับเคลื่อนหน่วยงานด้านความมั่นคงของ “ภูมิธรรม” นั้น มีนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพราะ “ภูมิธรรม”ไม่เคยมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องงานด้านนี้มาก่อน แต่รัฐบาลเศรษฐา1 ผู้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม คือ “เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี และช่วงก่อนจะมีการปรับ ครม. “เศรษฐา” ยังมีความหวังว่าจะได้นั่งควบกระทรวงกลาโหม แทน “สุทิน คลังแสง”

แต่เมื่อ “สุทิน” ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ขณะที่ “เศรษฐา”ต้องถอยออกจากตำแหน่ง รองนายกฯกำกับดูแลกระทรวงการคลัง เพื่อหลีกทางให้ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง คนสนิท “ทักษิณ” เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับเด็กสร้างอีก 2 คน คือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์-เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง และยังต้องถอยห่างออกจากนายกฯที่ดูแลกระทรวงกลาโหมอีกด้วย

ขณะที่อดีตลูกหม้อ “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” อดีตรมช.คลัง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) โบกมือลาออกจากดำรงตำแหน่ง พร้อมกับการประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคฯ ของ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” อดีตทีมเศรษฐกิจและประธานด้านยุทธศาสตร์ ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยรวบอำนาจได้เบ็ดเสร็จกว่าเดิม ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งภายในพรรครทสช.เอง

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบสถานะระหว่าง “เศรษฐา”และ “ภูมิธรรม” คนหนึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ถูกตัดอำนาจแขนขาเสมือนเป็น “นายกฯ ขาลอย”มีตำแหน่งเพียงนายกฯบริหารงานทั่วไป แม้จะยังมีงานความมั่นอยู่ในมือ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ แต่อำนาจสั่งการไม่ได้เต็มเหมือนปกติทั่วไป

ในขณะที่ “ภูมิธรรม” กลับมีพาวเวอร์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  โดยเฉพาะการเข้ามากำกับดูแลกระทรวงกลาโหมแล้ว โดยตำแหน่งรองนายกฯด้านความมั่นคง ยังเป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) , ประธานกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน,ประธานคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ และอื่นๆ

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปรับครม.และแบ่งงานใหม่ให้รองนายกฯ 6 คน ก่อนหน้านี้คนในพรรคเพื่อไทยพบสัญญาณที่เริ่มขยับ และเป็นรับรู้กันเมื่อ “ทักษิณ”เดินสายไหว้บรรพบุรุษ เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมๆกับข่าว “อดีตนายกฯ”ได้พบปะกับตัวแทนผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ โดยพยายามทำหน้า ที่”คนกลาง”เจรจาสันติภาพ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เม.ย. และครั้งที่ 2 เมื่อเร็วๆนี้ที่ กทม.

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม บอกว่า หากนายทักษิณ ไปเจรจากับชนกลุ่มน้อยจริง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และถือเป็นเรื่องดีการแก้ไขปัญหาในอดีต หลายประเทศที่มีปัญหากันบางครั้งไม่ได้จบระดับไตรภาคี หรือ ทวิภาคี แต่จะจบด้วย เอกชนหรือคนนอกบางคน ไปเป็นตัวกลาง คนที่มีบารมีก็อาจจะไปช่วยพูดคุย ก็อาจจะจบได้ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง และนายทักษิณอาจจะคิดเช่นนั้น

บารมี “ทักษิณ”ที่ขยับเข้ามากระชับอำนาจในพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครปฎิเสธ เพราะหากดูสายสัมพันธ์ระหว่าง “เศรษฐา”กับ “ภูมิธรรม” การใช้อำนาจผ่าน “ภูมิธรรม”ในฐานะรองนายกฯที่กำกับดูแลงานทางด้านความมั่นคงในทางลับทางน่าจะเปิดโล่งมากกว่า

โดยเฉพาะการเล่นบทนักเจรจาสันติภาพ ที่เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์สู้รบใน “เมียนมา” เป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง ไม่ว่าการเจรจาระหว่าง “ทักษิณ”และกลุ่มชาติพันธ์ุจะมีผลหรือไม่อย่างไร แม้ล่าสุดจะยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากบางกลุ่มยังไม่เอาด้วย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีกองกำลังขนาดใหญ่ ในพื้นที่ทางตอนเหนือ

กอรปกับภายในปีนี้ “บิ๊กทหาร”ในสังกัดกระทรวงกลาโหม อย่างน้อย 2 คน คือ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.2567 นี้

อาจเป็นช่องทางหนึ่งให้เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง เข้ามาจัดการปัญหาความมั่นคงภายในประเทศและนอกประเทศได้ โดยเฉพาะการมอบหมายให้ “ภูมิธรรม”เข้ามากำกับดูแลงานด้านความมั่นคง จึงต้องจับตาว่า “ทักษิณ”ใช้อำนาจผ่าน”ภูมิธรรม”ในภารกิจใด

กรณีนี้ยังไม่นับรวมกับการรุกไล่ ทางการเมือง ปิดสวิตช์ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากสัญญาณที่ส่งมายัง “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ”รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพียงหน่วยงานเดียว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่