อากาศแปรปรวน ฝนตกหนัก น้ำท่วมเมือง …บนท้องฟ้าก็เกิดเหตุระทึก เมื่อสายการบิน SQ321 ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์ ขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ เหตุตกหลุมอากาศ เบื้องต้นผู้โดยสารเสียชีวิต 1 คน เจ็บ 30 คน ส่วนทางภาคพื้นดิน ฟากฝั่งการเมือง ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
อ่านข่าว : “พิชิต ชื่นบาน” ลาออกรัฐมนตรี มั่นใจบริสุทธิ์ ห่วงนายกฯ โดนพาดพิง
ในที่สุด “พิชิต ชื่นบาน” รมว.มือใหม่ป้ายแดง ประจำสำนักนายกฯยอมถอย โบกมือลา”เก้าอี้” ประจำตำแหน่งไปอย่างง่ายดาย ไม่ใช่เพราะคำแนะนำของ “เทพไท เสนพงษ์”อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้คำแนะนำว่า ควรลาออก “เสียม้าเพื่อรักษาขุน” ตามภาษาเซียนหมากรุก แต่เหตุที่จำใจต้องลาออก เพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม” หรือตัดตอนคำร้องของ 40 สว. ไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยรับคำร้อง ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ก่อน
โดย “พิชิต” ลงนามลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยระบุเหตุผล ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง อันจะทำให้กระทบต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาล หลังจากถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 40 คน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี
“ไม่มีใครกดดัน และไม่มีอะไร” พิชิต ตอบเมื่อถูกถามว่ามีใครมากดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ ก่อนที่จะหัวเราะ โบกมือลาสื่อมวลชน และกล่าวว่า ชื่นบาน ชื่นบาน
ส่วนคดีของนายกฯที่เหลืออยู่จะถูก ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่าย และไม่พิจารณาต่อในภายหลังหรือไม่ พิชิต ไม่ตอบ เพียงแต่โบกมือและกล่าวว่า บ๊ายบายสื่อฯ ก่อนขึ้นไปบนรถ ก่อนที่จะลดกระจกลงและโบกสื่อฯอีกครั้ง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า
“อยู่ให้คนรัก จากให้คนคิดถึง สโลแกนพี่คือ ทำงานจริงจัง คบได้จริงใจ”
หากซื้อหวยก็ต้องบอกว่า ถูกรางวัลใหญ่ เพราะการที่ “พิชิต” ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากจะทำให้วาระการพิจารณาคำร้องของ 40 สว. ต้องตกไปแล้ว เนื่องเพราะไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาการพ้นสภาพรัฐมนตรีก็จะทำให้ “นายกฯนิด” เศรษฐา “รอดตัว” ไปด้วย ด้วยว่าเป็นคำร้องที่ต่อเนื่องจึงเป็นเหตุให้ต้องมีคำสั่งยกคำร้องไปเช่นกัน
ถ้าเป็นนักรบก็ต้องบอกว่า ครั้งนี้เพื่อไทยยอมถอยเพื่อรักษาชีวิตต่ออายุรัฐบาลเพื่อไทยไว้ก่อน เพราะแม้จะมี “ชัยเกษม นิติศิริ” และ “แพทองธาร ชินวัตร” สามารถนั่งแท่นเป็นนายกฯลำดับต่อไป แต่สถานการณ์ในยามนี้บิ๊กบอสตัวจริงของพรรคเพื่อไทย อาจจะยังไม่พร้อมที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในช่วงที่ต้องเผชิญสภาวะถดถอย
หากย้อนกลับไปดู “ปฏิบัติการเหยียบหิมะ ไร้ร่องรอย” ของ 40 สว.ที่ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “นายกฯนิด” เศรษฐา และ”พิชิต “รัฐมนตรีมือใหม่ป้ายแดง สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
เนื่องจากเห็นว่า นายกฯนิด ใช้อำนาจนายกฯ ในการแต่งตั้ง “พิชิต”เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ กรณีเคยรับโทษจำคุกมาก่อน ถือว่าไม่ธรรมดา
แม้ก่อนหน้านี้จะมีการคาดเดาจากบรรดาคอการเมืองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เป็นต้องการหยั่งกระแสล้ม “ดีลลับ” และป้องปรามการการล้ำเส้นทางการเมืองของ “บอสใหญ่” แต่เมื่อ “พิชิต” ลาออก ถือว่า พ้นบ่วงทางการเมืองไปแล้วก็ตาม
หาก “เทพไท” บอกว่า ยังมีคำร้องอื่นที่มีการยื่นต่อ ป.ป.ช.ให้พิจารณาการปฎิบัติหน้าที่ ของ นายกฯนิด “เศรษฐา” ในประเด็นจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กรณีการทูลเกล้าฯรายชื่อ “พิชิต” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว จึงสามารถพิจารณาในประเด็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และความผิดตามประมวลจริยธรรมร้ายแรงได้อีก
ลาออกแล้วก็ยังไม่จบ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกค่ายสีฟ้า ปชป. บอกว่า แม้ “พิชิต”จะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯแล้วก็ตาม แต่สำหรับ “นายกฯนิด”เศรษฐา ก็ปัดไม่พ้นที่ต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต้องได้รับคำตอบจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคำร้องของ สว. กรณีของนายพิชิต ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะจำหน่ายคดีหรือไม่
“เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และจริยธรรมเป็นเรื่องที่ประชาชนยังให้ความสนใจ และต้องการคำตอบในมาตรฐานความซื่อสัตย์สุจริต จริยธรรมของนักการเมืองในระบบประชาธิปไตย …ถ้านายกฯจะให้จบเรื่องนี้ก็ต้องลาออก คดีอาจจะไปได้ยาก เพราะความเป็นรัฐมนตรีได้สิ้นสุด ไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัย เหตุเพราะประเด็นในการพิจารณาคดีคือความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงหรือไม่ และสุดท้ายก็ต้องรอดูคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่าจะรับคำร้องไว้หรือไม่ และจะจำหน่ายคดีกรณีนายพิชิตรายเดียวหรือไม่ ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้” ราเมศ ระบุ
ย้อนกลับมาเลาะรอบรั้วกรมปทุมวันกันบ้าง เห็นทะเลเงียบ ใช่ว่าจะไร้คลื่นซัด วันนี้ (21 พ.ค) มีการเผยแพร่คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 253/2567 ลงนามโดย “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญฯให้ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.โดยให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.ทำให้ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ว่างลง และเพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 108 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดลำดับอาวุโสของข้าราชการตำรวจในการรักษาราชการแทน พ.ศ.2557 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 118/2567 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2567 จึงให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร.
ยังมาแรงและน่าจับตา “พล.ต.ท.ประจวบ” แม้จะเหลือเวลารับราชอีกเพียง 1 ปี คือ เกษียณอายุราชการในปี 2568 แต่ก็มีสิทธิก้าวขึ้นสู่เต็ง 1 กรมปทุมวันได้ไม่ยาก
อ่านข่าว : “พิชิต” ยันลาออก รมต.ไร้ใครกดดัน ปัดตอบเซฟเก้าอี้นายกฯ