วันนี้ (27 พ.ค.2567) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงมติของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 971/2567 สั่งให้เพิกถอนระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวการเลือก สว.ในบางข้อ หลังจากได้พิจารณาพิจารณาคำพิพากษาและความเห็นของสำนักงาน กกต. ใน 4 ประเด็นประกอบด้วย
1.เงื่อนระยะเวลา การเลือก สว. ที่จะต้องเดินตามไทม์ไลน์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากอุทธรณ์คำพิพากษาว่าคดีจะถึงที่สุดจะพ้นระยะเวลาการประกาศผลเลือก สว. ไปแล้ว ไม่ว่าคำพิพากษาออกมาอย่างไรก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือก สว.
2.สาระสำคัญของคำพิพากษา พบว่าคำพิพากษาเป็นการขยายสิทธิ์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นคำพิพากษาไม่ได้กระทบสาระสำคัญต่อการแนะนำตัวแต่ประการใด
3.เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องวันเริ่มการแนะนำตัวหลังมีคำพิพากษาให้เร็วที่สุด และความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้สมัครในการแนะนำตัว และประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือก
4.และเพื่อให้การเลือก สว. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามกรอบกฎหมายกำหนด ที่ประชาชนจะได้ สว. ตามไทม์ไลน์ในช่วงต้นเดือน กรกฎาคม โดยจะไม่มีการแก้ไขระเบียบใด ๆ ผู้สมัครยังสามารถแนะนำตัวได้ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ควบคู่ไปกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
อ่านข่าว : ที่มาตัวเลข “สว.ชุด 13” 200 คนจาก 20 อาชีพ
พร้อมกันนี้ยังอธิบายถึงจำนวนผู้สมัคร จ.ศรีสะเกษ มีมากเป็นอันดับ 1 ว่า ก่อนหน้านี้ กกต. ประเมินไว้ว่าอาจจะมีผู้สมัครถึง 100,000 คน เพราะมีข้อมูลว่าจะมีกลุ่มจัดตั้ง นั่นเพราะว่าคณะหนึ่งหากมีการจัดตั้งจะต้องมีผู้สมัคร 100,000 คน ถึงจะชนะได้ แต่ด้วยระบบความซับซ้อนรวมถึงมาตรการต่าง ๆ
รวมถึงกฎหมายการเลือกไขว้ ทำให้มีผู้สมัคร กว่า 48,000 คน ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะหากจะมีการจัดตั้งหรือการอั้ว อยู่ในสายตาของสำนักงานที่จะต้องติดตามทุกจังหวัด คนสมัครไม่ได้บอกว่าผิดจะต้องดูว่ามีการฮั้วหรือขอคะแนนหรือไม่ ต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน
ยกตัวอย่างเช่นบางจังหวัดจังหวัดใหญ่มีจำนวนผู้สมัครน้อยกว่าจังหวัดเล็ก นั่นหมายความว่าการเลือก สว. จากสาขาอาชีพ ซึ่งการไปสมัครจังหวัดใหญ่อาจจะมีความยากในการเลือกเพราะมีคู่แข่งจำนวน ทำให้ผู้สมัครตัดสินใจไปเลือกในพื้นที่ที่มีโอกาสได้รับเลือกซึ่งเป็นสมมุติฐานหนึ่ง
อ่านข่าว : กกต.สรุป 20 กลุ่มอาชีพ “ผู้สมัคร สว.” พบ “ผู้สูงอายุ-คนพิการ” มากสุด
เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงข้อควรระวังในการเลือกจะต้องเป็นไปตามมาตรา 77 และคำนึงถึงคำพิพากษาศาลฎีกา เรื่องการขอคะแนนและคะแนนไม่สามารถที่จะทำได้ พร้อมยกตัวอย่างเรื่องของการฮั้วผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ อาจมีการให้สัญลักษณ์ เช่นการประกาศว่าจะเข้าไปแก้กฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง อันแสดงออกว่าเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งอาจมาเป็นกลุ่มก้อน กกต. จึงต้องออกมาเพื่อให้การเลือกเกิดความเสมอภาค
7 อำเภอ มีผู้สมัคร สว.แค่กลุ่มเดียว
เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาจัดเลือก สว.ระดับอำเภอ โดยเฉพาะใน 2 อำเภอ ที่ไม่มีการสมัคร และ 7 อำเภอ ที่มีสมัครอำเภอละ 1 กลุ่ม ซึ่งเท่าที่ทราบมีผู้สมัคร รวม 10 คน อาจเข้าข่าย “ตกรอบ” ในรอบในระดับอำเภอ
โดย 1 ใน 7 อำเภอ มีผู้สมัครกลุ่มเดียว รวม 3 คน อีกอำเภอสมัคร 2 คน ขณะที่อีก 5 อำเภอที่เหลือ มีผู้สมัครกลุ่มเดียว-คนเดียว ดังนั้นในวันเลือกระดับอำเภอ ทั้ง 9 อำเภอดังกล่าวจะไม่มีการจัดให้มีการเลือก เข้าข่าย “ตกรอบ” ตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดเลือก เพราะไม่สามารถเลือกไขว้ได้ตามกฎหมายกำหนด
สำหรับ 7 อำเภอที่มีผู้สมัคร สว.เพียงกลุ่มเดียว และจะแพ้ฟาว์ เหตุไม่สามารถเลือกไขว้ระหว่างกลุ่มได้ตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ผู้สมัครหมดสิทธิที่จะได้ลงคะแนนเลือก แบ่งเป็นอำเภอที่มีผู้สมัครเพียง 1 คน มี 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา, อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์
และที่ จ.น่าน อีก 3 อำเภอ คือ อ.แม่จริม, อ.นาน้อย, อ.เชียงกลาง
ส่วนอำเภอที่มีผู้สมัคร 2 คนคือ ได้แก่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก และที่มีผู้สมัคร 3 คน คือ อ.ปางศิลา จ.กำแพงเพชร
อ่านข่าว : กสทช. สั่งระงับออกอากาศ “โหนกระแส” 1 วัน 7 มิ.ย.67
