วันนี้ (27 พ.ค.2567) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่กับนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อร่วมพิธีฌาปนกิจอดีตคนขับรถ ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่า เป็นการไปแบบส่วนตัว และไปร่วมงาน ซึ่งสิ่งที่เห็นก็คือประชาชนให้การตอบรับ และเคารพนับถือท่าน และพบว่า ท่านยังห่วงใยประเทศและน่าจะมีข้อเสนอแนะที่ดีมายังรัฐบาล
ยอมรับว่า เรื่องงานความมั่นคงเป็นหัวข้อหนึ่งที่ท่านเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมันมีปัญหา ในพื้นที่ตามแนวชายแดน ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชายแดนไทย- เมียนมา
เมื่อถามถึงการเปิดรับสมัคร สว.ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่า จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มก็คือพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มขั้วอำนาจเดิม นายสุทินกล่าวว่า เป็นเพียงการคาดหมาย แต่กระบวนการต่างๆ ยังไม่เริ่ม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรับสมัคร เมื่อถึงการคัดเลือกจริงๆ จะออกมารูปแบบใด ทุกฝ่ายคาดหวังได้ แต่จะคาดถูกหรือผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ดูจากระบบไม่น่าจะสามารถล็อกได้ และทำได้ยากมาก พร้อมย้ำว่า อำนาจหน้าที่สำคัญของ สว.ชุดใหม่มีส่วนที่จะโหวตผ่านหรือไม่ผ่านกฎหมายของรัฐบาลในอนาคต เพียงแต่บทบาทหนึ่งที่ สว.ชุดใหม่ จะไม่มีคือการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทุกอย่างกำลังกลับเข้าสู่ทิศทาง หน้าที่ที่ถูกต้องของ สว.คือการกลั่นกรองกฎหมาย
อ่านข่าว : “เศรษฐา” รับไปหา “วิษณุ” หารือข้อกฎหมายสู้คดี 40 สว.
“สุทิน” เร่งแก้กฎหมาย สนับสนุนเอกชนไทยขายอาวุธ
นายสุทิน ยังกล่าวถึงส่งมอบรถยานเกราะล้อยางแบบ 4×4 จำนวน 10 คัน และ อาวุธปืนเล็กสั้น อาวุธปืนพก จำนวน 230 กระบอก ให้กับเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรภูฏาน นำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพว่า
เป็นการช่วยให้ประเทศเดินหน้า ในเรื่องของความมั่นคงของประเทศและนำรายได้ทางด้านยุทโธปกรณ์ เข้าสู่ประเทศ เป็นการแสดงถึงขีดความสามารถของเอกชนไทยและได้รับความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ
ส่วนการปรับแก้กฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนผลิตอาวุธ ออกขาย นายสุทินกล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานตั้งแต่ช่วงเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่เพื่อส่งเสริมผลักดันให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศก้าวหน้าซึ่งผลการศึกษาจำเป็นจะต้องมีการแก้กฎหมายหลายฉบับ อย่างน้อยคือเรื่องเกี่ยวกับภาษีเพราะขณะนี้เอกชนไทยยังเสียเปรียบ ต่างประเทศอยู่ เนื่องจากการนำชิ้นส่วนเข้ามาผลิตต้องเสียภาษีมากกว่า การนำยุทโธปกรณ์ที่ผลิตเสร็จแล้วเข้ามา
อ่านข่าว : “ชัยธวัช” ลั่น “ก้าวไกล-เพื่อไทย” คู่แข่งการเมือง-ไร้โอกาสจับมือ
ดังนั้นต้องมีการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธและการส่งออกอาวุธ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้มานาน จึงต้องมีการสร้างความสมดุล ซึ่งคณะทำงานก็เตรียมประชุมเพิ่มเติมในเรื่องของการแก้ไขกฎหมาย เพื่อผลักดันให้ทันการประชุมสภาในสมัยการประชุมนี้ รวมไปถึงการผลักดันพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสถาบัน เทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ในการปฏิบัติภารกิจและส่งเสริมให้เอกชนได้เดินหน้าการทำงานคล่องตัวไปพร้อมกัน
พร้อมย้ำว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งมองคล้ายกับรัฐบาลที่ผ่านมา หากส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เอกชนมีความแข็งแรงก็จะเกิดความมั่นคงทางด้านอาวุธของไทย
ส่วนภาพรวมการจัดซื้ออาวุธในปี 2568 นั้นนายสุทินกล่าวว่า ยอมรับว่ามีการจัดซื้อจำนวนมากเพราะเป็นเหตุบังเอิญยุทโธปกรณ์หลายประเภทหมดอายุจึงต้องจัดหาใหม่ในช่วงนี้พอดีเช่นเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศซึ่งจะหมดอายุในปี 2570 ซึ่งต้องเตรียมการจัดซื้อล่วงหน้าทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจกับทางสภาและประชาชนถึงความจำเป็น ส่วนรายการใดที่ใช้ในประเทศได้ก็จะดำเนินการจัดซื้อในประเทศ
อ่านข่าว : ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี “ลูกเกด ก้าวไกล” คดี ม.112 รอประกันตัว
กกต.สรุป 20 กลุ่มอาชีพ “ผู้สมัคร สว.” พบ “ผู้สูงอายุ-คนพิการ” มากสุด 5,211 คน