วันนี้ (29 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 4/2567 วันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) เวลา 15.30 น. โดยมีประเด็นสำคัญที่จับตา คือการหยิบยกประเด็นวาระที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีบันทึกความเห็นกรณีการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน นายกรัฐมนตรีต้องนำความกราบบังคมทูลให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 140 วรรคหนึ่ง
โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และ ก.ตร. เพื่ออุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง ที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนาม
โดยมองว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ประกอบกับก่อนจะมีหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการ พบว่ามีการร่างคำสั่งเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. และลงนามในวันที่ 18 เม.ย.แสดงให้เห็นว่า มีขบวนการให้ออกจากราชการหรือไม่ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยัง เตรียมจะยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอีกด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เผยถึงกรณีที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบข้อกฎหมายเกี่ยวกับคำสั่งให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนตัวจึงต้องถามข้อมูลจากผู้รู้ หรือถามทางด้านของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งตัวเองตอบแทนไม่ได้
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไปถามนายวิษณุ เครืองาม ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2)
ยอมรับว่ายังไม่รู้สถานะการดำรงตำแหน่งทางราชการของตัวเอง หลังจากที่มีความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาเช่นนี้ แต่ยืนยันยังไม่ยื่นหนังสือหรือเรียกร้องความยุติธรรมเพิ่มเติม เนื่องจากเรื่องอยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว
อ่านข่าว “บิ๊กโจ๊ก” ถอนฟ้อง “ผบช.น.-พนักงานสอบสวน” อ้างร้อง ป.ป.ช.แล้ว
พล.ต.อ.เอก วิเคราะห์แนวทาง “บิ๊กโจ๊ก”
ด้านพล.ต.อ.เอก อังสนาสนนท์ คณะกรรมข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า การวินิจฉัยของ ก.ค.พ.ตร.จะมี 2 แนวทางคือเป็นคุณกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผลคือต้นสังกัดจะต้องมีคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการทันที โดยมีผลย้อนหลังกลับไปตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และเชื่อว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะนำคำวินิจฉัยดังกล่าวมาใช้สิทธิในการฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ
แต่ถ้าหากผลคำวินิจฉัยเป็นโทษ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถร้องศาลปกครองสูงสุดได้ มีกรอบระยะเวลา 90 วัน ซึ่งกรณีทั้งหมดว่าด้วยข้อกฎหมายดังนั้นต้องรอให้ ก.พ.ค.ตร.และศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด
สำหรับสถานะของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะนี้ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน และกระบวนการทางกฎหมายยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลย้อนหลังกลับไปตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ
ส่วนกระบวนการวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะจะมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากมีความล่าช้าอาจจะเสียสิทธิในการเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.
อ่านข่าวอื่นๆ
เปิดขั้นตอน “ก.พ.ค.ตร.” รับอุทธรณ์ “บิ๊กโจ๊ก” ให้ออกจากราชการฯ