วันที่ (12 มิ.ย.2567) ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมประจำสัปดาห์เต็มคณะ เพื่อพิจารณาคำร้องต่างๆ และลงมติเพื่อมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา โดยการประชุมวันนี้มีประเด็นสำคัญที่สังคมติดตามและจับตามี 3 เรื่อง คือ คำร้อง 4 มาตราของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่
วันนี้ศาลยังมีวาระพิจารณาคำร้องที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)
อ่านข่าว : “พิธา” เปิด 9 ข้อ แนวทางสู้คดียุบพรรคก้าวไกล
แต่คำร้องนี้ยังไม่น่าจะเสร็จไว เนื่องจากเอกสารคำชี้แจงของพรรคก้าวไกลมีเป็น 100 หน้า ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงแนวทางต่อสู้คดี 9 ข้อด้วย แต่ว่าก้าวไกลเพิ่งส่งคำชี้แจงถึงศาลไม่กี่วัน และศาลต้องใช้เวลาในการพิจารณาศึกษาในรายละเอียด ทั้งนี้พรรคก้าวไกลยังยื่นขอให้ศาลพิจารณาเปิดการไต่สวน จากบัญชีรายชื่อพยานที่อ้างอิงถึง และศาลต้องดูว่าจำเป็นต้องสืบพยานตามบัญชีที่ส่งมาหรือไม่ หรือศาลอาจสั่งให้พยานที่อ้างถึงส่งคำชี้แจงให้ศาล
และอีกคำร้องหนึ่งคือคำร้อง 40 สว. ที่ขอให้พิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงลง เหตุกระทำการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งคำร้องนี้ลุ้นว่าศาลจะเปิดไต่สวนไหม หรือจะนัดฟังคำวินิจฉัยชี้ขาดในวันใด หากได้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่แน่คำร้องนี้อาจเสร็จไวกว่าคำร้องยุบพรรคก้าวไกลก็เป็นได้
อ่านข่าว :