วันนี้ (20 มิ.ย.2567) นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ระบุถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลสอบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จสืบเนื่องจากปมขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่า กรณีนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงในแง่ที่ว่ามีตำรวจระดับสูงรับเงินจากเว็บพนัน และเป็นข้อกล่าวหาที่สังคมรอฟังคำตอบ หากมีการรับเงินจริงจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยมาโดยตลอด
อ่านข่าว : เปิดผลสอบ 2 บิ๊กตำรวจ ให้ “บิ๊กต่อ” คืนเก้าอี้ ผบ.ตร.
ทั้งนี้เข้าใจว่าภายในองค์กรตำรวจก็มีความขัดแย้งกันระหว่าง ผบ.ตร. กับ รอง ผบ.ตร. ซึ้งความขัดแย้งนี้นายวิษณุยอมรับเองว่า มีอยู่จริง แต่ประเด็นขัดแย้งก็ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นคือมีการละเมิดกฎหมายหรือไม่ และการตรวจสอบที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ทำให้สังคมค้างคาใจ
โดยมองว่า สังคมต้องการคำตอบว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งการแถลงของนายวิษณุ ยังไม่ชัดเจนเพียงพอว่าจะเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันได้อย่างไร จึงเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยอาจจะมองถึงเรื่องการซูเอี๊ย หรือ สมประโยชน์กัน เพราะสุดท้ายต่างคนต่างแยกย้าย
การตรวจสอบที่ผ่านมาก็เหมือนไม่มีความหมาย ทั้งที่ปัญหาเรื่องเว็บพนันถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และจนถึงขณะนี้สังคมก็ยังตั้งคำถามว่า เจ้าหน้าที่รัฐสามารถเอาผิดกับตัวการใหญ่ได้แล้วหรือไม่ หรือที่จริงแล้วตัวการใหญ่ก็คือ ตำรวจ
โดยจะนำไปสู่การตั้งคำถามของสังคมอีกว่า รัฐบาลจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทา-สีดำได้อย่างไร และย่อมส่งผลกระทบถึงตัวนายกรัฐมนตรี ว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหนในการจัดการ-กวาดล้างกับปัญหา และ การกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายรังสิมันต์ ยังมองว่า หากปมขัดแย้ง 2 นายตำรวจจบแบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล และตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพราะอาจจะทำให้สังคมมองว่ามีการซูเอี่ยกัน โดยปล่อยให้มีการทะเลาะกัน แล้วตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีความชัดเจนอะไร ทำให้กระบวนการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐล้มเหลว และทำให้สังคมสูญเสียความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล
ทั้งนี้มองว่า การเปิดเผยผลการสอบสวนถือเป็นเรื่องขั้นต่ำที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส แต่สิ่งที่เห็นชัดก็คือการแถลงข่าวของนายวิษณุ ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ทั้งที่ตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯมีอำนาจพอ ๆ กับรองนายกฯ น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ และยังมองได้ว่า ปัญหาที่ซุกใต้พรมในองค์กรตำรวจในที่สุดก็ไม่ได้รับการแก้ไข
อ่านข่าว : “ทนายตั้ม” ขอโทษประชาชนหลัง “บิ๊กต่อ” กลับนั่ง ผบ.ตร.
นอกจากนี้เมื่อการสอบสวนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิมก็อาจจะถูกมองได้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่เด็กทะเลาะกัน และเลิกแล้วต่อกันไป หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการจัดการแบบไม่มีวุฒิภาวะ
นายรังสิมันต์ ยังระบุว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐจะใช้กรอบอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการในการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ก็จะพยายามให้โอกาสรัฐบาลก่อน ซึ่งกรรมาธิการมีการตั้งอนุฯ ศึกษา ปฏิรูปตำรวจ สามารถเรียกข้อมูลของคณะกรรมการสอบสวนฯ มาตรวจสอบได้ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะกล้าให้หรือไม่ แต่หากไม่ให้ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น และความโปร่งใสของรัฐบาล
อ่านข่าว : “วิน โพรเสส” ไฟไหม้ครบ 2 เดือน “ชาวหนองพะวา” ยังทุกข์ระทม