แก้รธน.-โละปาร์ตี้ลิสต์ เปิดทางบ้านใหญ่พลิกสู้ “ก้าวไกล”

วันนี้ (24 มิ.ย.2567) รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา ให้สัมภาษณ์ในรายการประจักษ์ จับประเด็น เกี่ยวกับแก้ รัฐธรรมนูญ เหลือแค่ สส.เขต เกมโยนหินถามทาง ว่า ถ้าย้อนดูพัฒนาการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมีมาหลายครั้ง

โดยการปรับแก้รัฐธรรมนูญหลังปี 2540 ที่เรียกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน แต่หลังการใช้ทำให้อิทธิพลทางการเมืองของในยุคนายทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้นหรือที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” จนต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญปี 2540 กระทั่งในปี 2560 ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งมีแค่บัตรใบเดียว

แนวคิดจะแก้ไม่ให้มีปาร์ตี้ลิสต์ มีความเป็นไปได้ เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นกฎหมายเพื่อสถาบันทางการเมือง เพื่อสร้างกติกาในการอยู่ร่วมกัน หรือกระบวนการเข้าสู่อำนาจอย่างโปร่งใส แต่เป็นเพื่อในการแต่กระบวนการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองของบางกลุ่ม

รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา

เมื่อถามว่าแค่เหลือ สส.เขต 500 คนจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต นักวิชาการ ระบุว่า พรรคการเมืองที่มีบ้านใหญ่ มีฐานคะแนนในพรรคการเมืองจังหวัดจะได้เปรียบทันที และพรรคจะลดทอนนโยบาย เพราะปาร์ตี้ลิสต์ จะต้องเลือกนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนเพื่อให้ประชาชนเลือก ถ้าเลิกปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้พรรค การเมืองไทยถดถอย จะกลายเป็นบ้านใหญ่ของใคร ตระกูลการเมืองเกิดขึ้น

อ่านข่าว “เศรษฐา” ปัดข่าวลือแก้ รธน.ตัดสส.ปาร์ตี้ลิสต์

ช่วงชิงพื้นที่บ้านใหญ่ ก้าวต่อไปโละปาร์ตี้ลิสต์

รศ.โอฬาร กล่าวอีกว่า ตอนนี้องคาพยพทางการเมืองมีความเป็นได้ และดูแล้วพรรคก้าวไกลที่จะชนะใจประชาชน ในการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างการเมือง แต่ทำให้ต้องกำจัดพรรคก้าวไกล เพื่อให้มีพื้นที่อำนาจ สส.มากที่สุด ก็ต้องไม่มีปาร์ตี้ลิสต์

เข้าทางกับฝ่ายตรงข้ามที่มีบ้านใหญ่ทางการเมือง และมีอิทธิพลทางการเมือง ให้นำกลับมาอยู่ จึงมีภาพนายทักษิณ เดินสายไปบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นการช่วงชิงพื้นที่

ทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่งานบวชที่จ.ปทุมธานี

เมื่อถามว่าสภาเดี่ยวที่มีแค่สส.เขตเท่านั้น จะมีผลได้ผลเสียอย่างไร รศ.โอฬาร สำหรับตัวเองมองว่าประเทศไทยที่กำลังขยับสู่การเมืองเชิงนโยบาย และเมื่อพรรคการเมืองเสอนตัวเข้ามาทำงานแล้ว แต่ไม่ใช่แค่ตระกูลใคร หรือบ้านใหญ่ของใคร แต่มองว่าต้องเสนอนโยบายมาด้วย

หากกลับไปเป็นสส.เขต 100% จะทำให้นโยบายลดลง และการต่อสู้เชิงนโยบายจะน้อยลง คนเสียหายคือประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามมีความเป็นไปได้หรือไม่ รศ.โอฬาร มองว่าทางการเมืองมีความเป็นไปได้ เพาะกลุ่มอำนาจเก่าไม่มีปัญญามากพอ ที่จะทำเชิงนโยบายที่ดี และการ เมืองที่ไม่พอใจการเมืองแบบบ้านใหญ่ จึงต้องเลือกปาร์ตี้ลิสต์ และพรรคที่ได้คือพรรคก้าวไกล

ดังนั้นต้องกำจัดก้าวไกลทุกวิถีทาง ถ้าเลือกแบบเขตมีโอกาสทำได้ แค่สว.เขต 80% ก็มาจากบ้านใหญ่ ถ้าใช้กติกาแบบเดิม ใช้บัตร 2 ใบก็แพ้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

หากถามว่าถ้ารัฐบาลเลือกเดินหน้าแบบนี้เท่ากับไม่แคร์ประชาชนหรือไม่ รศ.โอฬาร กล่าวว่า บรรดานักเลือกตั้งทำมาหลายครั้งแล้ว และรู้ว่าประชาชนโวยวาย 3 วันเลิก ดูจากครั้งการแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 กว่าจะแก้ได้ใช้ยากมาก และไม่แคร์กระแสสังคม เคยใช้เลือกตังบัตรใบเดียวปาร์ตี้ลิส กับแบ่งเขต แต่สุดท้ายก็สู้ก้าวไกลไม่ได้ และทดสอบแล้วประชาชนตื่นตัวน้อย แต่เขาต้องการอำนาจรูปธรรมมากกว่าอุดมคติ

ส่วนพรรคเล็ก หากยังพอมีตระกูลทางการเมืองประจังหวัด ได้เปรียบ แต่ถ้าบ้านเล็กโนเนม ก็เตรียมเลิกยุบพรรคได้เลย

เมื่อถามอีกว่าโจทย์ คือยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ ถ้าจะกำจัดก้าวไกลทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ถึงไม่มีปาร์ตี้ลิสต์ แต่ในเขตเมือง และจังหวัดที่มีคนชั้นกลาง เชื่อว่าก้าวไกลยังขายได้ เพราะทำงานเป็นรูปธรรรม เช่น ภาคตะวันออกมีผลงานชัด เช่น ไฟหม้โรงงานระยอง เขาทำงานราวกับว่าจังหวัดนั้น ไม่มีเคยมีสส.มาก่อน เขาต้องการแก้เกมแบบนี้ 

ถ้าโจทย์คือการสกัดก้าวไกลให้มีแค่สส.เขต 500 คนสกัดปาร์ตี้ลิสต์ และสส.งูเห่า ถ้าคนในก้าวไกลทำงานมีอุดมการณ์ กำจัดจุดอ่อน ต้องเร่งเดินหน้าทำงาน เลิกเป็นแค่ สส.ที่ไปงานศพ แต่เป็นผู้แทนที่แก้ปัญหาในพื้นที่ 

อ่านข่าวอื่นๆ

“เศรษฐา” ปัดข่าวลือแก้ รธน.ตัดสส.ปาร์ตี้ลิสต์

นายกฯ ยันขยายเวลาครองอสังหาฯ 99 ปี ไม่เอื้อต่างชาติ-นายทุน