วันนี้ (25 มิ.ย.2567) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน หรือทนายตั้ม เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้เร่งรัดดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ภรรยา และพวก รวม 4 คน ที่นายษิทราเคยแจ้งความดำเนินคดีมีส่วนพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ ในข้อหาฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน ไว้ที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับหนังสือที่นายษิทราร้องขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้รีบทำการสอบสวนคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด อ้างอิงถึงข้อคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 419/2556 ที่กำหนดเรื่องระยะเวลาการสอบสวนคดีอาญา พนักงานสอบสวนจะต้องสืบสวนสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษ
นายษิทรา กล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวกลับไม่มีความคืบหน้า และขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่บกพร่องในหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง และจะติดตามต่อไปว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ หรือจะหลบสื่อไม่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่มาร้องเอาผิดกับเจ้าตัวในวันนี้ ถือว่าเป็นการแก้เผ็ดหรือไม่ หลัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง นายษิทรา ยืนยันว่า ก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเป็นถึงระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ย่อมรู้เรื่องคำสั่งดีอยู่แล้ว และอยากร้องขอให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รับผิดชอบด้วยการลาออกจากราชการตำรวจ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันตนเองจะติดตามความคืบหน้าทางคดีให้ถึงที่สุด ถึงแม้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม
นายษิทรา ยังฝากถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้เปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องผลการตรวจสอบความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่มีการตรวจสอบนั้น ผลสรุปยังไม่ชัดเจนว่ามีผู้ใดกระทำความผิดบ้าง
ส่วนข้อสงสัยว่า นายษิทราออกหน้าแทน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่ นายษิทรา ยืนยันว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงคงไปดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ลงนามคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ในขณะที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปแล้ว
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการกฤษฎีกา มีการตั้งข้อสังเกตประเด็นคำสั่งออกจากราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไปทบทวนนั้น ในฐานะทนายความ นายษิทรา เปิดเผยว่า ปกติแล้วศาลไม่ได้ฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ถ้าสุดท้ายเรื่องนี้ผิดกฎหมายศาลก็ต้องให้ความเป็นธรรม
สำหรับการเดินทางมายื่นคำร้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ มีรายงานว่านายษิทราได้นำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดในที่จอดรถของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อนักข่าวถามว่าเหตุใดจึงนำรถส่วนตัวไปจอดในที่ของผู้บังคับบัญชา นายษิทรา กล่าวว่า เห็นว่าที่จอดรถว่างอยู่จึงนำรถตัวเองเข้าไปจอด ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีการอนุญาตให้รถยนต์ของประชาชนทั่วไปเข้าไปจอดในช่องจอดรถยนต์เฉพาะสำหรับผู้บังคับบัญชา หากไม่ได้รับการประสานงานมาล่วงหน้า จึงเป็นข้อสงสัยว่ามีการประสานที่จอดไว้หรือไม่
มีรายงานว่า ในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยปรากฏขบวนรถของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และได้นำรถลงไปจอดบริเวณชั้นใต้ดินของอาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อ่านข่าว
“บิ๊กต่าย” ไม่หวั่น “บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ไม่คิดถูกเช็กบิล