วันนี้ (3 ก.ค.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวมีการแอบอ้างชื่อซื้อขายบัตรผู้ติดตามเข้าออกที่ทำเนียบรัฐบาล ราคาหลักหมื่นบาท ว่า ไม่เคยรับทราบเรื่องนี้ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่อยากให้ทำ จึงขอกำชับทุกฝ่าย ให้ตรวจสอบ และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
ส่วนจะต้องมีการตรวจสอบจำนวนผู้ติดตามของนายกรัฐมนตรีใหม่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากเป็นคนที่ได้รับการอนุญาตจากตน ก็มั่นใจและพอใจว่ามีเท่านี้ เหมาะสมแล้ว แต่เมื่อมีคนแปลกปลอมเข้ามาก็จะไปเช็กอีกทีว่ามีหรือไม่ ขอตรวจเช็กชื่ออีกที
นายกฯ เผยคุย ผบ.ทบ.อย่างใกล้ชิด เรื่องสถานการณ์ใต้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนใต้ ที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่แฟลตตำรวจ ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบก และมีความเป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดลงพื้นที่ชายแดนใต้พร้อมนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย แต่ถูกเลื่อนไปนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าใจว่าวันที่ 3 ส.ค.นี้ จะลงพื้นที่ไปพร้อมกัน ซึ่งหากมีความจำเป็นตนก็จะลงพื้นที่ไปก่อน คิวที่สามารถลงพื้นที่ไปพร้อมกันได้ก็คือวันที่ 3 ส.ค.
เร่งแก้ปัญหายาเสพติด ยก น่าน-ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดสีขาวภายใน 3 เดือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า ได้หารือนโยบายที่มอบหมายไปในครั้งที่แล้วทั้งเรื่องที่ดินทำกินของกองทัพที่มอบให้กับประชาชนคนไร้ที่พึ่ง เรื่องการเกณฑ์ทหารแบบระบบสมัครใจ การดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากปัญหายาเสพติด เรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง และปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งได้มีการรายงานว่า ดำเนินการคืบหน้าไปแล้วอย่างไรบ้าง โดยตนได้สั่งการว่าขอให้ดูแลที่ดินทำกินให้มีมากขึ้น รวมถึงกำลังจะเข้าฤดูฝน ที่อาจจะมีเกิดน้ำท่วมขอให้ดูแลประชาชน พร้อมเตรียมบริหารจัดการปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ภายในปีหน้า
อย่างไรก็ตามเรื่องหลักในวันนี้คือเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มีการติดตามและลงพื้นที่ในหลายจังหวัดในภาคอีสานและภาคเหนือ ใช้ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.น่านเป็นโมเดลให้เป็นจังหวัดสีขาว ที่ปราศจากยาเสพติด ภายในสามเดือน ซึ่งขอให้มีการทำงานร่วมกันระหว่าง กองทัพ ตำรวจ ป.ป.ส. กระทรวงมหาดไทย ทำงานอย่างบูรณาการ เพื่อขจัดปัญหานี้ออกไปให้ได้
ทั้งนี้การทำให้เป็นพื้นที่สีขาว ไม่อยากใช้คำว่าลุยปราบ เราต้องยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ในการจับกุม แต่ต้องมีเบาะแส รวมทั้งการผลิตและจำหน่ายเราก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก รวมถึงการลักลอบยาเสพติดจาก สปป.ลาวและเมียนมา ทั้งนี้ในช่วงบ่าย ที่ผ่านมาตนได้มีการหารือกับ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กับ เลขา ป.ป.ส. และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ให้ความร่วมมือกับทางการลาว ให้มีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการโดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นที่ไทยมี 12 จังหวัดติดกับชายแดน ส่วนทางลาวมี 8 แคว้น
ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการพูดคุยกับทางการลาวครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางการเมียนมาด้วย แต่จริงๆ แล้วพอจะทำนายได้ว่าช่องทางการนำเข้าอยู่ตรงไหน เนื่องจากเป็นเส้นทางภูเขา หรือที่ราบที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปจับกุมได้ ซึ่งแตกต่างจาก สปป.ลาว เป็นที่ราบและสามารถนำเรือ เข้ามาได้ทุกช่องทาง
ส่วนกรณีที่มีการลำเลียงยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าก็มีการสั่งการและมีการตรวจจับ ซึ่งจริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเบาะแส ซึ่งหากทราบเบาะแสก็สามารถสกัดจับได้ เนื่องจากเป็นส่วนจะต้องมีการขออนุญาตเป็นพิเศษหรือไม่เนื่องจากเป็นการขนส่งของภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ขณะที่สั่งชายแดนด้าน จ.กาญจนบุรี มีการจับกุมได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งปัญหายาเสพติดและปัญหาสินค้าเถื่อน
อ่านข่าว :
นายกฯ เผย ครม.เทงบพัฒนา 4 จังหวัดอีสานใต้ 496 ล้าน
กกต.ยังไม่รับรอง 200 สว.วันนี้ “อิทธิพร” ปัดเลื่อนยึดขั้นตอน