พักรบ ไม่ได้พบใคร แต่เดินหน้าท้าชน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขนเอกสารมายื่นฟ้อง “นายกฯนิด“ เศรษฐา ทวีสิน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ“ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และคดีฟอกเงินมินนี่ ที่ สน.เตาปูน
“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แจงว่าขณะนี้สถานะตนเมื่ออยู่ในชั้น ป.ป.ช. ก็จะเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นผู้ต้องหา เป็นผู้ถูกตรวจสอบ เพื่อรอการไต่สวนและชี้มูล ดังนั้นตราบใดที่ ป.ป.ช.ยังไม่ชี้มูลก็ถือว่า ยังบริสุทธิ์ …หากปฏิบัติตามเกณฑ์ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เป็นผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ตนอาวุโสลำดับที่ 2 แต่มีการเสนอชื่ออันดับสุดท้ายมาเลยโดยไม่ไล่เรียงอันดับ 1 2 3 ก่อน จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจ
“แม้นายกฯ…จะมีอำนาจในการเสนอชื่อบุคคลใดเป็นแคนดิเดต แต่ก็จะต้องชี้แจงเหตุผล ไม่ใช่ไปเอาเบอร์สุดท้ายมา ความผิดนี้เป็น อาญาแผ่นดินถอนฟ้องไม่ได้ …เรื่องนี้เป็นการกระทำผิดในตำแหน่งนายกฯ”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ส่วนอาจจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรืออาจจะถูกออกไปเลยก็ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่เป็นการทำเพื่อรักษาระเบียบข้อกฎหมายขององค์กร เพื่อให้องค์กรยังอยู่ได้ เพื่อคนรุ่นหลัง และไม่ได้เป็นการทำเพื่อตัวเอง และไม่ได้ไล่เช็คบิลใคร …ตอนนี้ก็ฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วหลายคน ก็ไม่เห็นถูกยิงสักที
ศึกสามเส้า เรา 3 ฝ่าย ผลพวงเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี แม้ชนะแล้ว แต่วันนี้ “ลุงชาญ” หรือ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ยังไม่ปรากฏตัว รับดอกไม้แสดงความยินดีจากเหล่าแฟนคลับและกองเชียร์ ยังคงเก็บตัวเงียบกริบ
ท่าม กลางกระแสรุมเร้า ปมกฤษฎีกาเบรก รับตำแหน่งฯ หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องคดีทุจริตถุงยังชีพ เหตุเกิดเมื่อปี 2555 หลังพบว่ามีความผิดตามที่ ป.ป.ช.ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ต่อมา เมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 ทนายของ นายชาญ ได้ยื่นประกันตัว โดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวออกไป
พลิกสายสัมพันธ์การเมืองท้องถิ่น ทุกคนพื้นที่ล้วนมีบ้านใหญ่คุม ไม่ว่าจะเป็น “ลุงชาญ” และ “บิ๊กแจ๊ส” มีวันนี้เพราะพี่ให้ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง คู่ต่อสู้ในสนามการเมืองเที่ยวนี้ ถือว่าเป็นคนคุ้นเคย ไม่ใช่ไม่เคยคุ้น เพราะก่อนที่ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ จะกระโจนเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่น ก็อยู่ในสังกัดค่ายเพื่อไทยมาก่อน และเมื่อเกษียณราชการออกมา ก็ยังปักหลักอยู่กับค่ายสีแดง เพียงแต่บทบาทเปลี่ยนสถานภาพมาเล่นการเมืองท้องถิ่น และมีลีลาการพริ้วไหวไม่ต่างจากคนการเมืองทั่วไป
ขณะที่ “ลุงชาญ” เป็น ชาว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เริ่มเล่นการเมืองในปี 2543 และเป็นผู้ก่อตั้ง “กลุ่มปทุมรักไทย” ลงสมัคร นายก อบจ.ครั้งแรกก็ได้รับการสนับสนุนจาก “บ้านใหญ่เมืองปทุม” ของตระกูลหาญสวัสดิ์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสังกัดพรรคชาติไทย
ลงสมัคร นายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งใด “ลุงชาญ” มักจะชนะการเลือกตั้งเสมอ กวาดเรียบไล่ตั้งแต่ปี 2543, 2547, 2551, 2555
แต่เมื่อสนามการเมืองใหญ่ระดับประเทศ เข้มข้นขึ้นในปี 2555 “ลุงชาญ” สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.ปทุม อีกครั้ง โดยแข่งกับ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี อดีต สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ที่ลาออก สส.มาสมัคร นายก อบจ
แม้เป็นพลพรรคเพื่อไทย แต่ก็พ่ายให้กับ “ลุงชาญ” ที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลนพขำ พรรคภูมิใจไทย และ “สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล” สส.พรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ต่อมาในปี 2563 “ลุงชาญ” ได้ลงสมัคร นายก อบจ.ปทุมธานี อีกครั้ง แต่ก็แพ้ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ และนัดล้างตาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา “ลุงชาญ” มีชัย เหนือ “บิ๊กแจ๊ส” ทวงคืนเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี กลับมาได้ แต่ก็ต้องพบวิบากกรรม และคงต้องรอให้ศาลฯชี้ชะตาก่อนว่า จะเป็นไปในทิศทางใด
ท่ามกลางกองเชียร์ และข้อถกเถียงเรื่องกฎหมายว่าจะต้อง “หยุดปฎิบัติหน้าที่” หรือไม่ หลังจากกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า ควรต้องหยุด ขณะที่ค่ายสีน้ำเงิน มท.หนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย อ้างไม่ใช่หน้าที่จะไปสั่งให้ใครหยุดหรือไม่หยุดปฎิบัติหน้าที่ ขึ้นอยู่กับกฎหมาย เป็นศึกสามเส้า ของบ้านใหญ่ในพื้นที่ คนใหญ่ค่ายสีแดงและน้ำเงิน ที่ซัดกันจนนัวทุกครั้ง
ซีกฝั่ง พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง บอกเป็นคนละขั้วแนวคิด เคยเกิดเหตุลักษณะนี้ที่สภามาแล้ว เมื่อ สส.ของพรรคเพื่อไทยถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง แต่หลังยุบสภาเลือกตั้งใหม่ สส.คนดังกล่าวก็สามารถลงรับสมัครได้อีกครั้ง จึงไปถามนักกฎหมายในสภาว่า หากได้เป็น สส.อีกจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า คนละขั้นตอน ตำแหน่งเดิมถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำแหน่งใหม่ที่ได้มาก็ต้องว่ากันใหม่ แต่ครั้งนั้น อดีต สส.ที่สมัครเลือกตั้ง ไม่ได้รับเลือก จึงไม่มีปัญหา
“เลขากฤษฎีกา ระบุว่า นายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ หากมีการรับรองตำแหน่ง เป็นแนวความคิดเห็นหนึ่ง แต่พรรคเพื่อไทยคุยกันอีกแนวทางหนึ่ง ว่าให้ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วศาลสั่งหยุด มีแค่ 2 เรื่องคือหยุดโดยอัตโนมัติ หรือศาลสั่งหยุด”
ส่วนการต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส่งผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมคิด ชี้แจงว่า หากนายชาญหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็มีรอง นายก อบจ. ก็สามารถทำงานต่อได้ หรือหากไม่มีรองนายกฯ ก็เป็นปลัด อบจ. บริหารงานต่อจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
…ถือเป็นคนละขั้วแนวคิดทางกฎหมายจริง ๆ
อ่านข่าว : ศาล รธน.รอผลตรวจพยานหลักฐานคดียุบพรรคก้าวไกล นัดถกต่อ 17 ก.ค.
กกต.ยังไม่รับรอง 200 สว.วันนี้ “อิทธิพร” ปัดเลื่อนยึดขั้นตอน
“บิ๊กโจ๊ก” ยื่นฟ้องนายกฯ ผิด ม.157 ปมเสนอชื่อ “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.