กรณีพบปัญหาประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการปลอมวุฒิการศึกษาของมหาวิทยลัยพิษณุโลก และบัตรติดตามสภาและทำเนียบ
วันนี้ (5 ก.ค.2567) ว่าที่ ร.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุถึงการตรวจสอบกรณี น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง มีพฤติ กรรมแอบอ้างขายวุฒิการศึกษา และตำแหน่งในสภาฯ ว่า กระบวนการแยกเป็น 2 ส่วน คือการขอบัตรจอดรถ เป็นอำนาจหน้าที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย มีกระบวนการกลั่นกรองคุณสมบัติออกบัตรจอดรถได้
โดยเชื่อว่าผู้ปฏิบัติงานมีความซื่อตรงดำเนินตามระเบียบถูกต้อง โดยจะต้องมีการสอบสวนและสอบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
อ่านข่าว ม.พิษณุโลก เลิกจ้างอาจารย์ 1 คน เอี่ยวซื้อขายวุฒิปลอม 2 แสน
ส่วนกรณีกรรมาธิการ ต้องแยกเป็นการแต่งตั้ง โดยคณะกรรมาธิการ ซึ่งมีบทรอง รับตามรัฐธรรมนูญ มีจริยธรรมประมวลจริยธรรมของสมาชิก รวมถึงการดูแลผู้ปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการในกรอบต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ โดยเชื่อว่า กรรมาธิการต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาปฏิบัติหน้าที่
ส่วนที่มีการซื้อขายตำแหน่งหากไปเกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการฯ เชื่อว่าแต่ละคณะจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคณะกรรมาธิการ และมีกระบวนการคัดกรอง เพราะเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และหากมีการร้องเรียนก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งต้องรอผลสอบสวนชัดเจนก่อน
“เศรษฐา” คุมบัตรคณะทำงาน-วางบทลงโทษ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการซื้อขายบัตรคณะผู้ติดตาม คณะทำงานทำเนียบรัฐบาลว่า ยิ่งสาวก็ยิ่งเจอแสดงว่าเป็นปัญหาใหญ่ ต้องนำมาจัดการให้ถูกต้อง
ส่วนจะต้องมีการพิจารณาจำนวนคณะผู้ติดตามหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เวลาลงพื้นที่กำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหน้างานจริงๆ เดินทางไป เพราะอาจหนึ่งก็เป็นเรื่องของการสิ้นเปลืองง และอาจจะทำให้สูญเสียโอกาส ในการบริหารงาน พร้อมย้ำว่าขอให้ด้วยความจำเป็นจะดีกว่า
เมื่อถามว่าการออกบัตรผู้ติดตาม จะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นหรือไม่นายเศรษฐา ระบุว่า ต้องดูก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร จากนั้นก็ต้องหาทางแก้ ซึ่งการออกบัตรที่เข้มข้น และการกำหนดโทษก็อาจจะเป็นวิธีหนึ่งเหมือนกัน
อ่านข่าวอื่นๆ
นายกฯ สั่งสอบซื้อขายบัตรเข้า-ออกทำเนียบ ราคาหลักหมื่น