นายกฯเศรษฐา แจง บินต่างประเทศไปเจรจาการค้า เพื่อให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเป็นรูปธรรม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เกี่ยวกับกรณีการค้าระหว่างประเทศ และการลงทุนอุตสาหกรรมจากต่างชาติ ว่า ปัญหาโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมเดิม ๆ ตนไม่อยากใช้คำว่าเป็น Sunset Industry แต่ถือว่าอุตสาหกรรมในประเทศไทยต้องการการพัฒนาหรือเปลี่ยนถ่าย และยังต้องมีการพัฒนาต่อไป จึงต้องมีการดึงแหล่งเงินทุนมาใหม่ บริษัทลงทุนข้ามชาติ 

การที่ตนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำการเจรจาการลงทุน (Foreign Direct Investment : FDI) ถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ การแข่งขันทางการลงทุนประเทศไทยแพ้อินโดนีเซีย แพ้เวียดนาม มาตลอด แต่ตอนนี้เรากำลังจะพัฒนาขึ้นมา เพราะว่ารัฐบาลนี้ให้ความสนใจ บินไปเจรจาการค้า เพื่อที่จะให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างเป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้ได้บริหารเพียง 10 เดือน ซึ่งการลงทุนเป็นแสนล้าน ต่างชาติต้องใช้เวลาในการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งทางรัฐบาลก็มีการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไปตามขั้นตอนต่าง ๆ การพัฒนาที่ดีต้องควบคู่ไปกับเรื่องของเขตการค้าเสรี (FTA) ด้วย ถ้าหากเราไม่มีสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศ เมื่อต่างชาติมาตั้งโรงงาน ก็ไม่สามารถที่จะส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ทำควบคู่กันไป ทางกระทรวงการต่างประเทศก็พยายามที่จะทำงานตรงนี้ให้หนัก ในการลงพื้นที่ต่าง ๆ พูดคุยกับบริษัทใหญ่ ๆ หลายบริษัท

นายกฯเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า บุคลากรก็เป็นเรื่องที่สำคัญ การที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาตั้งโรงงานใหม่ ๆ ที่เป็นอุตสาหกรรม High Technology การลงทุนอุตสาหกรรมดังกล่าว ก็ต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีโครงการที่ทำ Internship ผลิตกำลังคน ร่วมกับบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ซึ่งมีกำหนดการฝึกงานอยู่แล้วประมาณ 3 เดือน แต่จากการดำเนินการพูดคุยระยะเวลา 3 เดือนนั้นยังไม่เพียงพอ ซึ่งทางบริษัทอุตสาหกรรมเครือข่ายได้มีการเสนอฝึกงานเป็นระยะเวลา 1 ปี บรรจุเข้าไปในหลักสูตรเพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการที่ได้ปริญญาบัตรหลังจบการศึกษา ซึ่งการดำเนินการตรงนี้รัฐบาลและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรดังกล่าว 

นอกจากนั้น เรื่อง Infrastructure Development ต่าง ๆ ก็มีความสำคัญ หากเราปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้เป็น High Profit แต่โลจิสติกส์ต่าง ๆ ไม่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ เพราะฉะนั้นหนึ่งในโครงการที่มีการพูดคุยกันตอนนี้ คือ Aviation Hub การขยายสนามบินในทุก ๆ ภูมิภาค โครงการแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางในการขนถ่ายสินค้าจากทั่วโลก ประหยัดรายจ่ายด้วย

เราอยากเป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทะเลาะกับประเทศใดๆ การที่ประเทศต่างๆ จะมาใช้ Infrastructure นี้ก็จะสามารถแน่ใจว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับทุกคน และสามารถส่งผ่านสินค้าไปได้