วันนี้ (15 ก.ค.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 4/2567 ว่าได้ ตอกย้ำเรื่องความชัดเจนในกลุ่มสินค้าที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และไทม์ไลน์ รวมทั้งการป้องกันการทุจริตในโครงการ
ส่วนกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีมีการแอบอ้างให้โหลดแอปต่างๆ นั้น นายเศรษฐา ระบุว่าขอให้คอยฟังจากทางหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น พร้อมทั้งมอบให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงรายละเอียด
มติปรับลดเงิน 4.5 แสนล้าน-สิทธิ 50 ล้านคนเท่าเดิม
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ มติเห็นชอบโครงสร้างแหล่งที่มาของเงินใหม่ สาเหตุที่ปรับเปลี่ยนเพราะได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานตรวจสอบและไปดูแหล่งที่มาและกรอบวงเงินที่ตัวเลข 4.5 แสนล้าน และไม่มีการปรับมขนาดโครงการยังเป็น 50 ล้านคน หากมีคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือน้อยกว่าจะใช้กลไกในการบริหารเงินเพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์เข้ากับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
สำหรับเงินที่เตรียมไว้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในแหล่งที่มาของเงินใหม่ คือไม่มี มาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยงบประมาณที่ใช้ประกอบด้วยงบประมาณปี 2567 และปี 2568 ซึ่งเพียงพอและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของงบประมาณ โดยแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2567 และปี 2568 มีดังนี้ การบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 165,000 ล้านบาท
ประกอบด้วย แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 43,000 ล้านบาท เป็นการบริหารการคลังและบริหารจัดการเงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ (2) การบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 285,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2568 ที่ตั้งไว้แล้ว 152,700 ล้านบาท และการบริหารการคลังและบริหารจัดการเงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ วงเงิน 132,300 ล้านบาท
อ่านข่าว พบแล้วร่างเด็ก ม.3 ถูกคลืนซัดหาย “หาดสุรินทร์”
ยังไม่ขยับไทม์ไลน์รอแถลง 24 ก.ค.
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนการเปิดลงทะเบียน และปิดลงทะเบียน จะชี้แจงวันที่ 24 ก.ค.นี้จะแถลง โดยคณะกรรมการกำกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปกำหนดกรอบอีกครั้ง และเห็นวันที่มีความพร้อมในโครงการดังกล่าว
เมื่อถามว่าโครงการนี้จะเลื่อนเข้าหรือออกหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในกรอบเดิม เพราะวางไว้เป็นแบบกว้าง ๆ เป็นไตรมาสไว้ รวมทั้งได้ความเห็นจากส่วนแบงก์ชาติให้ความเห็นว่าระบบต้องปลอดภัย และมีความเสถียร แต่ในกระบวนการจะดึงให้แบงก์ชาติให้มาช่วย
ส่วนของสินค้า Negative List ที่ประชุมได้เห็นชอบตามมติคณะอนุกรรมการกำกับฯ เสนอ แต่มีข้อสังเกตในที่ประชุมเปิดความยืดหยุ่นให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาตามความจำเป็น เหมาะสม เช่น สินค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ อาทิ ปืน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มพิจารณา ที่ให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาว่าเหมาะสมร่วมโครงการหรือไม่
นอกจากนี้มีข้อเสนอให้ตัดสิทธิกลุ่มที่เคยทำผิดเงื่อนไขโครงการรัฐในอดีต เช่น มีการถูกเรียกเงินคืน ทั้งในส่วนร้านค้า และประชาชนออกไป ทั้งนี้คาดว่ารัฐบาลจะสรุปเสนอรายละเอียดของโครงการมให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 ก.ค.นี้
อ่านข่าว
คลังไขก๊อก ทางเลือกคนบ้านไกล “ย้ายทะเบียนบ้าน” ใช้เงินดิจิทัล
คลังถอยไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกดิจิทัลวอลเล็ต หั่นงบเหลือ 4.5 แสนล้าน