กระทรวงยุติธรรม ปลดล็อกขั้นตอนการรับรองเอกสารสำคัญของคนไทยในต่างประเทศ ใช้ระบบ ‘วันสต็อปเซอร์วิส’
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมปลดล็อกขั้นตอนการรับรองเอกสารสำคัญของคนไทยในต่างประเทศ ใช้ระบบ ‘วันสต็อปเซอร์วิส’ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน หลังไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกบุคคล พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮก ว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกบุคคล (Hague Conference on Private Internationnal Law :HCCH) โดย การประชุมคณะกรรมการดังกล่าวนี้ นับเป็นครั้งที่ 1/2567 มีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นกรรมการ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คณะทำงานชุดนี้เป็นคณะกรรมการระดับชาติ ถือเป็นโอกาสที่ดีของการนำศักยภาพมาประกอบกับหลักกฎหมายและหลักวิชาการที่แต่ละท่านมีความเชี่ยวชาญ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่มีประเทศใดสามารถอยู่ได้โดยลำพัง เพราะทุกประเทศต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน
ประชุมมีวาระการพิจาณาที่สำคัญของอนุกรรมการ 3 ชุด ประกอบด้วย
1.คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุสัญญาว่าด้วยการยกเลิกข้อกำหนดของการนิติกรณ์สำหรับเอกสารมหาชนจากต่างประเทศ หรือ Apostille Convention
2.คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการส่งเอกสารทางการศาลระหว่างประเทศไทยในคดีแพ่งและพาณิชย์ หรือ Service Convention
3.คณะอนุกรรมการแนวทางการปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.2481
ความคืบหน้าจากคณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะ ซึ่งได้รายงานต่อที่ประชุม โดย
เรื่องแรก สืบเนื่องจากปัจจุบันคนไทยนับล้านคนอยู่ในต่างประเทศ ทั้งเพื่อการทำงาน หรือสมรส บ่อยครั้งที่ต้องติดต่อราชการในประเทศที่พำนักอยู่ ต้องใช้เอกสารราชการจากทางการไทย เช่น สูติบัตร, ใบมรณบัตร, ทะเบียนสมรส เพื่อนำไปยื่นติดต่อราชการในต่างประเทศ ปรากฏว่าการจะใช้เอกสารเหล่านั้นได้ ต้องได้รับการรับรอง (เรียกว่ารับรองนิติกรณ์เอกสาร) จากทางการไทย ฉะนั้นคณะอนุกรรมการ จึงพิจารณาแนวทางบรรเทาปัญหาในส่วนนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ กรมการกงสุลจะสามารถมอบอำนาจการรับรองเอกสารด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Apostille Convention จากที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย แล้วนำไปใช้ในต่างประเทศได้ทันที ทำให้การบริการแบบ One Stop Service มีความสะดวก รวดเร็ว เกิดประโยชน์กับประชาชนนับล้านที่ต้องการใช้เอกสารราชการในการติดต่อกับต่างประเทศ
เรื่องที่สอง การพิจารณาแนวทางการส่งเอกสารในคดีแพ่งและพาณิชย์ไปต่างประเทศ ทั้งหมายศาล สำเนาคำฟ้องจากศาลของประเทศไทยไปยังศาลของ 125 ประเทศที่อยู่ภายใต้อนุสัญญากรุงเฮกฯ โดยคาดหวังให้การส่งเอกสารในคดีแพ่งและพาณิชย์ ไม่ต้องส่งโดยวิถีทางการทูตที่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งแต่เดิมเอกสารเหล่านี้จำเป็นต้องส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตเท่านั้น ฉะนั้น ในที่ประชุมจึงเห็นควรยุบ คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการส่งเอกสารทางการศาลระหว่างประเทศไทยในคดีแพ่งและพาณิชย์ หรือ Service Convention แล้วมีมติแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปรับปรุง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย ปี พ.ศ.2481 แทน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือถึงการศึกษาในประเด็นกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัล และธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศของผู้ถือโทเคน และการโอนทรัพย์สินดิจิทัล จากการประชุม Council on General Affairs and Policy (CGAP) ประจำปี ค.ศ. 2024 ของที่ประชุมเดียวกัน (ที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนคดีบุคคล) และการเข้าร่วมในที่ประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian – African Legal Consultative Organization – AALCO) สมัยที่ 62 ที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ ในช่วงกลางเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้