วันนี้ (17 ก.ค. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบประมาณรายจ่ายปี 2567 เพิ่มเติม 1.2 แสนล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับการแจกของรัฐบาลสิงคโปร์ว่าเป็นคนละอย่าง เนื่องจากของไทยการกู้มาแจก ขณะที่ของสิงคโปร์มีงบประมาณเหลือเพียงพอที่จะสามารถแจกประชาชนได้
วันนี้ยังคงทวงถามรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งถึงสัญญาการหาเสียงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พร้อมกับทำหน้าที่กระจกเงาสะท้อนตัวตนของรัฐบาล รวมถึงผลที่ตามมาของโครงการดังกล่าว
นายจุรินทร์ ยังหยิบยกความล่าช้าของโครงการ โดยเปรียบเพราะ “ความโหลยโท่ยของรัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ เป็นไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมาเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้” ตั้งแต่ที่มาของแหล่งงบประมาณและการเลื่อนดำเนินโครงการ งบประมาณยังล่องลอยอยู่ในอากาศ เพราะงบประมาณ 2 ก้อนคือจากงบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 จำนวน 4.5 แสนล้านบาท ยังต้องรอความชัดเจน รวมถึงเงื่อนไขการดำเนินการที่ยังไม่ชัดเจนเรียกว่าคิดไปทำไปและยังเกิดเหตุการณ์สวนกันมาสวนกันไปของคนในรัฐบาลเอง
นายจุรินทร์ ยังหยิบยกงบงบประมาณรายจ่ายงบกลางปีงบประมาณ 2567 โดยเฉพาะงบฉุกเฉิน ซึ่งใช้ไปเพียงกว่า 3,000 ล้านบาทเท่านั้นจากงบประมาณ 95,000 ล้านบาท เพื่อให้เงินก้อนนี้เหลือใช้นำไปแจก 43,000 ล้านบาท และงบประมาณปี 2568 จำนวน 132,300 ล้านบาท ย้ำถามว่า รัฐบาลจะนำงบจำนวนนี้มาจากแหล่งใด จะใช้กลไกกรรมาธิการเสียงข้างมากตัดจากงบต่าง ๆ และใช้มติ ครม.นำกลับไปใส่ในงบกลางหรือไม่
พร้อมกันนี้อ้างถึง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติมปี 2567 ว่ามีเนื้อหาเพียง 6 ม.แต่ขอวงเงิน 122,000 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้เพียง 10,000 ล้านบาท ซึ่งหากจะอนุมัติ พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเท่ากับว่าเป็นการอนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินชดเชยอีก 112,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแจกสนองนโยบายของรัฐบาล ส่วนใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอกเป็นเรื่องของอนาคต
นอกจากนี้ ยังอ้างถึงรายจ่ายลงทุนที่กำหนดใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากเนื่องจากงบฉบับนี้ระบุรายจ่าย 122,000 ล้านบาท ที่ระบุว่า รายจ่ายประจำร้อยละ 20 หรือ 24,400 ล้านบาทเป็นรายจ่ายประจำแต่รายจ่ายลงทุนร้อยละ 80 หรือจำนวน 97,600 ล้านบาท เหตุใดรัฐบาลถึงตีความว่ารายจ่ายลงทุนเพราะว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เงินลงทุนแต่เป็นเงินโอนเพื่อบริโภค
การไปวินิจฉัยเองว่า 122,000 ล้านบาทเท่ากับเงินลงทุนร้อยละ 80 นี่มันคาบลูกคาบดอกไปหน่อยมั้ย แล้วสุดท้ายอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยง พ.ร.บ.การเงินการคลังมาตรา 20 (1) ต่อไป ผมเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามใส่ฟองสบู่ให้เห็นว่า เงินที่ขอกู้วันนี้จริง ๆ เอาไปลงทุนเยอะไม่ได้เอาไปบริโภคอย่างเดียว แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไปแต่มันหนีความจริงไม่พ้นว่าที่ นำไปแจกให้ไปบริโภคไม่เช่นนั้นจะกำหนดสินค้าทำไม
นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกี่ยวกับความคุ้มค่าที่รัฐบาลย้ำมาหลายครั้งว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% และทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ภายใน 6 เดือน แล้วจะทำให้จีดีพีดิจิทัลวอลเล็ตโต 1.2-1.8
แต่มองสวนทางกันว่าโครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งได้ไม่คุ้มเสียไม่แค่เพียงตัวเลขที่รัฐบาลบอกเท่านั้น แต่ยังมีค่าเสียโอกาสหากรัฐบาลนำเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท ไปดำเนินการดำเนินการอย่างอื่นได้มากกว่านี้เช่น นำไปแจกกลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนจน จะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนทันที และนำเงินก้อนที่เหลือไปลงทุนด้านอื่นเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากกว่า เช่นลงทุนโครงสร้างพื้น สร้างคนในระบบเศรษฐกิจ สร้างคนในระบบการศึกษารองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่
การกู้มาจ่ายใน 6 เดือนเหมือนโยนหิน ลงน้ำหนึ่งก้อน เกิดแรงกระเพื่อมครั้งเดียวก็หายไป แต่ที่จะเกิดตามมาก็คือพายุหมุนแต่เป็นพายุหมุนที่หมุนนำหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยต้องชดใช้ไปอีกนานเท่านาน เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง ที่พวกเราได้พูดกันอยู่ในสภา
สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงเรื่องความไม่โปร่งใสว่า ขอเตือนรัฐบาลให้ระวัง อย่าให้แรงกู้ครั้งนี้เป็นแรงกู้ไร้อนาคตเพราะการทุจริตคอรัปชันเป็นอันขาดเพราะขณะนี้ยังมีคำถามจากประชาชน เช่นเหตุใดไม่แจกบุคคลตั้งแต่อายุ 13 ปีเป็นต้นไป
พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่า การแจกผู้ที่อายุ 16 ปี ทำให้อีก 2 ปี ก็จะสามารถลงคะแนนได้ หากแจกเด็กอายุ 13 ก็อาจจะเสียของ จึงเห็นว่าเหตุผลนี้เป็นคำตอบ
นายจุรินทร์ ทิ้งท้ายว่าขอให้รัฐบาลได้รับทราบ map มีการเปลี่ยนไปใช้แอปฯทางรัฐแต่ดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นทางรอดของคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเท่านั้น แม้จะเป็นทางรอดของพรรคการเมืองแต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ
อ่านข่าว : “เศรษฐา” ยืนยันจำเป็นกระตุ้น ศก. ปมตั้งงบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้าน
สภาฯเตรียมถกร่างงบฯปี 67 เพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน 17 ก.ค.นี้
“จักรพงษ์” แจงหั่นงบกลาง 43,000 ล้าน ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต