อกสั่นขวัญแขวน หลังศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว วินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยไม่ได้เปิดไต่สวนตามที่พรรคก้าวไกลร้องขอ แม้ “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า มั่นใจข้อต่อสู้ในประเด็นกฎหมายว่า การกระทำของพรรคฯที่ถูกกล่าวหา ไม่ใช่การล้มล้างหรือปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงไม่มีเหตุในการยุบพรรคก้าวไกลก็ตาม… และเสียดายโอกาสที่จะทำให้ มองในแง่ดีต่อทุกฝ่ายด้วยว่า ถ้าเปิดไต่ส่วนเพื่อให้คู่กรณีมีการต่อสู้อย่างเต็มที่ คงจะเป็นเรื่องดีต่อการยอมรับคำวินิจฉัย
“สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำได้ คือ เตรียมคำแถลงปิดคดี ภายใน 24 ก.ค.นี้ โดยศาลให้ส่งในเอกสาร เพราะไม่มีการเปิดไต่สวนหน้าบัลลังก์ คือ ไม่ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจา…คงต้องหารือกันในพรรค ในวันที่ 7 ส.ค.จะจัดการอย่างไร ในการฟังคำวินิจฉัยซึ่งจะชนกับวันประชุมสภาฯ” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ
ขณะที่ “โรม” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยอมรับว่า …คงต้องบอกตรง ๆ ว่า การต่อสู้คดีของเราที่ต้องการจะนำพยานหลักฐานเข้าไปสู่กระบวนการการพิจารณาของศาล คงทำไม่ได้ และคงทำให้การต่อสู้คดีของเรายากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นอย่างไร แต่หวังว่า ผลตรงนี้จะสร้างความยุติธรรมให้กับพรรคก้าวไกลด้วยเช่นกัน
ชี้แจงทันที “แสวง บุญมี” เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรค การเมือง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงอำนาจและการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. เลขากกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อกรณีการยื่นยุบพรรคการเมือง
สาระสำคัญระบุว่า 1. สถานะ/หน้าที่และอำนาจ กกต. เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่จัดเลือกตั้ง เลือก การออกเสียงประชามติ และหน้าที่อื่น ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น
เลขา กกต. เป็นหัวหน้าหน่วยบริหารและธุรการของ กกต. เพื่อให้งานในหน้าที่และอำนาจของ กกต. สำเร็จตามที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตาม กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติ กกต. ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขึ้นตรงกับ กกต. นายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นคนคนเดียวกับเลขา กกต. ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
“กกต.ไม่ใช่หัวหน้านายทะเบียนพรรคการเมือง และนายทะเบียนพรรคไม่ได้ตรงขึ้นตรงกับ กกต.ต่างคนต่างเป็นอิสระ ต่างทำหน้าที่ตามที่ กฎหมายให้ทำเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์กันในเชิงการบริหารหรือธุรการแต่อย่างใด“
2.การทำงาน/ความสัมพันธ์กกต.และ เลขา กกต. “ทำงานร่วมกัน”ในทุกเรื่องเกี่ยวกับงานของ กกต.เพื่อเป้าหมายของงานในหน้าที่และความรับผิดชอบ ของ กกต. ให้บรรลุผลสำเร็จ ตามฐานานุรูปในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ กกต. และ นายทะเบียนพรรคการเมือง “ต่างคนต่างทำงาน” ไม่ขึ้นต่อกัน งานจะสัมพันธ์กันก็ต่อเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้ต้องสัมพันธ์กัน กกต.จะมีมติให้ทำนายทะเบียนทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้
3. ตัวอย่างการทำงาน กกต.และเลขา กกต. อาทิ การเลือกตั้ง สส. เลือกตั้งท้องถิ่นทุกประเภท งานประชามติ ฯลฯ กกต. เป็นผู้ออกระเบียบ ประกาศ ให้ เลขาปฏิบัติ มีมติ ให้เลขาไปดำเนินการในงานข้างต้นได้ทุกเรื่องเพื่อผลสำเร็จของงาน
กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง อาทิ การเสนอให้ยุบพรรคการเมือง กกต. ก็มีอำนาจเสนอให้ยุบพรรคโดยลำพังตามมาตรา 92 แต่จะมามีมติ หรือสั่งให้นายทะเบียน พิจารณาดำเนินการเสนอยุบพรรคตามมาตรา 93 ไม่ได้ เพราะมาตรา 93 เป็นอำนาจเฉพาะของนายทะเบียนพรรคการเมือง
…ดังนั้น การเสนอให้ยุบพรรคตามมาตรา 92 หรือ 93 จึงไม่ใช่ทางเลือกหรือดุลยพินิจที่ กกต. จะเลือกเพื่อเสนอให้ยุบพรรคการเมืองว่าจะใช้มาตราใดสำหรับพรรคใด แต่เป็นบทกฎหมายที่ให้อำนาจเสนอยุบพรรค แก่ 2 องค์กร คือ กกต. หรือ นายทะเบียนพรรคการเมือง และแต่ละองค์กรก็เป็นอิสระต่อกัน”
เงียบไปนานแต่ไม่ได้หายไปไหน “รวมไทยสร้างชาติ” “มุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกรวมไทยสร้างชาติ อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ว่า มีความสำคัญเพราะจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะเป็นเงินที่รัฐบาลจะต้องจัดสรรส่งตรงไปประชาชน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ …ที่ผ่านมางบประมาณรายจ่ายปี 2567 ล่าช้าไป 6 เดือน ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหา เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
สส.มุ่งย้ำว่า ระบบเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นก็เปรียบเหมือนกับต้นไม้ ที่เมื่อขาดน้ำ ขาดปุ๋ย จะค่อย ๆ เฉาไปเรื่อย ๆ จนตาย ถ้ารัฐบาลไม่เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ล่าช้าจากงบประมาณปี 67 และถึงแม้ว่าจะมีการใช้จ่ายของภาครัฐจากเงินงบประมาณ แต่กว่าจะผ่านบริษัทผู้รับเหมา ลงไปร้านค้า ภาคการผลิตและแรงงาน ก็ใช้เวลานานมาก จึงอยากวอนรัฐให้ช่วยเร่งบรรเทาความเดือนร้อนให้ชาวบ้าน …รทสช.อยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน ฝากช่วยกระซิบเตือนพรรคแกนนำแทนชาวบ้านให้ด้วย
ไม่เงียบ เมื่อ กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี หลัง “ชาญ พวงเพ็ชร์” หรือ “ลุงชาญ“ชนะ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไปแล้ว แต่ยังสะดุดบ่วงคดีขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และส่งฟ้องศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีนี้แม้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน จึงถือว่า “ลุงชาญ” ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ในขณะที่กระทรวงมหาดไทย ยังวางเฉย
ล่าสุด “ปณต เขตสันต์เทียะ” ฝ่ายกฎหมายของ “บิ๊กแจ๊ส” นำหนังสือมายื่นให้กับ กกต. โดยระบุว่า การลงรับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้สมัครคนดังกล่าวนั้นขาดคุณสมบัติก่อนวันที่ลงสมัคร ซึ่งหาก กกต.ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้สมัครคนดังกล่าวขาดคุณสมบัติจะดำเนินอย่างไร ก็ถือว่าเป็นอำนาจของ กกต.
“พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่เคยติดใจเรื่องผลการเลือกตั้งว่าจะแพ้ หรือจะชนะ ..แต่ทีมกฎหมายนั้นเป็นผู้เสนอว่า กรณีคุณสมบัติของผู้สมัครนั้นถือเป็นเรื่องกฎหมาย เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอื่น ๆ ด้วย จึงต้องการให้มีการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเหมือนกันในทุกกรณี” ปณต ระบุ
อ่านข่าว : “ไกด์” ระบุ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตชาวเวียดนามสั่งให้ซื้อยาบางชนิด
“เอ็นโซ” โร่ขอขมา ก่อประเด็นดรามา “อาร์เจนตินา-ฝรั่งเศส”
รู้ความสำคัญ “วันอาสาฬหบูชา – วันเข้าพรรษา” ที่เรียกว่า “วันพระใหญ่”