วันนี้ (23 ก.ค.2567) การประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เริ่มเริ่มขึ้นในเวลา 09.45 น. หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภาลงชื่อประชุมครบ 200 คนตามจำนวน จากนั้นเลขาวุฒิสภาได้เชิญสมาชิกที่มีความอาวุโสสูงสุดคือ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อายุ 78 ปีทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมชั่วคราว ที่ได้แจ้งข้อมูลต่างๆ ต่อสมาชิกวุฒิสภา และเตือนสมาชิกระวังกระทำการผิดต่อกฎหมาย เนื่องจากการประชุมมีการถ่ายทอดสด
หลังจากที่ประธานในที่ประชุมได้แจ้งสมาชิกให้รับทราบถึงการประกาศของ กกต. เรื่องผลการเลือก สว.200 คน และ บัญชีสำรอง 99 คน เสร็จสิ้นสมาชิกวุฒิสภาได้กล่าวตนในที่ประชุมก่อน เข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 115
จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาโดยการลงคะแนนลับ
อ่านข่าว : เปิดขั้นตอนเลือก “ประธาน-รองประธานวุฒิสภา” 23 ก.ค.
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เสนอชื่อ นายมงคล สุระสัจจะ ส่วนนายเศรณี อนิลบล เสนอ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร เสนอชื่อ รศ.นันทนา นันทวโรภาส 3 รายชื่อ จริงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา โดยก่อนโหวตให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์การทำหน้าที่
แต่ยังมีความเห็นต่างเรื่องของเวลาการแสดงวิสัยทัศน์จึงมีการโหวตว่าจะให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์กี่นาทีระหว่าง 5 นาทีและ 7 ซึ่งมติที่ประชุมให้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที
โดนคนแรกที่จับสลากได้แสดงวิสัยทัศน์ คือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ว่าวันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลงวุฒิสมาชิก 20 กลุ่มสาขาอาชีพ และถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่ตรงปกมีการครอบงำ สีนั้นสีนี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อสมาชิกวุฒิสภาจึงมุ่งมั่นเข้ามาทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาเข้ามาแก้ไขภาพลักษณ์และสิ่งที่ปรากฏเป็นภาพลบ เพราะวุฒิสภาถือเป็นสภาสูงและสภาทรงเกียรติ เป็นที่คาดหวังในการทำงาน
และเปรียบเทียบว่าในการกัดกระดุมเสื้อหากกลัดเม็ดแรกผิดก็จะผิดทั้งหมด ดังนั้นการกัดกระดุมเม็ดแรกของวุฒิสมาชิกจะต้องเป็นอิสระเป็นกลางไม่ถูกครอบงำไม่ว่าจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลหรือพรรคการเมืองฝ่ายค้าน หลายคนวิจารณ์ที่มา แบบนั้นแบบนี้ แต่ที่มานั้นอาจจะห้ามยากส่วนที่ไป 5 ปีนับจากนี้ หากเลือกที่จะเป็นกลางและเป็นอิสระก็จะได้รับความชื่นชมจากประชาชน แต่ถ้าเลือกอีกด้านหนึ่งจะถูกตราหน้าว่าเป็นสภาใบสั่ง สภารีโมต สภาหวยล็อก สภาบล็อกโหวต
ภารกิจแรกคือการกลั่นกรอง กฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎร จะต้องถูกกันกรองโดยไม่มีคำชี้นำไม่ว่าจากพรรคการเมืองไหน และการเห็นชอบองค์กรอิสระอย่าให้มีใบสั่งว่ามาจากบ้านนั้นบ้านนี้ ไม่เช่นนั้นจะไร้ความหมายและเกิดปัญหาจากการยอมรับของประชาชน และ3 การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ในการตั้งกระทู้สดของวุฒิสภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องมาตอบสดด้วยตัวเอง และประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่ที่ดีได้จะต้องมีสุขภาพที่ดี ส่วนตัวพร้อมจะทำหน้าที่ประธานที่มีสุขภาพสุขภาพดี ตอนนี้อายุ 59 ปีหากทำหน้าที่อีก 5 ปีก็จะอายุ 64 ขอให้สมาชิกพิจารณาด้วยเนื้อผ้า ไม่ใช่ที่บอกว่ามีเสียงมาแล้ว 143 เสียง ขออย่ามองผู้สมัครคนอื่นเป็นไม้ประดับและประชาชนจับตาดูอยู่
ขณะที่ รศ.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของ สว.ยุคใหม่ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศมีความรู้สึกเป็นเจ้าของวุฒิสภา เป็นวุฒิสภาของประชาชน แม้วุฒิสภาชุดปัจจุบันไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน แต่ยึดโยงกับประชาชนแนว 5 ส. คือสัมพันธ์-สร้างสรรค์-สื่อสาร -สมดุลย์ สากล อธิบายเพิ่มเติมว่า “สัมพันธ์” ต้องเป็นวุฒิสภายุคใหม่ ยึดโยงกับประชาชนทุกกลุ่ม เปิดพื้นที่สภาให้ประชาชนเข้าถึงได้ พื้นที่สวนให้ประชาชนเข้ามาใช้สูดอากาศบริสุทธิ์ เปิดพื้นที่ร้องทุกข์ของประชาชน เป็นวุฒิสภาเชิงรุก จัดรายการ สว. เข้าหาประชาชน”
“สื่อสาร” ผ่านการถ่ายทอดสดการประชุมวุฒิสภาและกรรมาธิการทุกขณะคณะ แถลงการทำงานทุกด้านผ่านสื่อมวลชน ยึดหลักส.ว. รู้อะไรประชาชนรู้อย่างนั้น
“สร้างสรรค์” ทำงานอย่างสร้างสรรค์โปร่งใสตรวจสอบได้ สภาเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองมีอำนาจเรียกเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตอบกระทู้ถามในการแก้ไขปัญหาของประชาชนและให้ความเคารพต่อสถาบันไม่บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงอย่างเช่นที่ผ่านมา
“สมดุลย์” สร้างสมดุลย์ให้สังคมเปิดกว้างทุกศาสนา และเปิดพื้นที่ให้ความหลากหลายทางเพศ เคารพสิทธิมนุษยชน
“สากล” วุฒิสภาชุดใหม่จะต้องเป็นที่ยอมรับของนานาอาอารยะประเทศ มีกฎระเบียบข้อบังคับเป็นมาตรฐานประชาธิปไตยและเป็นแบบมาตรฐานของอาเซียน ทำให้ไทยได้ยืนอย่างสง่างามบนเวทีโลก จะดำเนินการ 5 ส. ที่ได้กล่าวไป การตัดสินใจของเพื่อนสมาชิกจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตของ เลือกได้จะเป็นตำนานสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวุฒิสภาในฐานะผู้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย 5 ปี การเปลี่ยนแปลงของวุฒิสภายุคใหม่จะไม่สูญเปล่า แต่จะเป็นสภาแห่งความ เป็นสภาแห่งความศรัทธา จึงขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ ในบทบาทประธานวุฒิสภา และขอให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมทำให้วุฒิสภายุคใหม่เป็นสภาของประชาชนเป็นหนึ่งในเสาหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนนายมงคล สุระสัจจะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ว่านับตั้งแต่บรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งปลัดอำเภอ ใต้สำนึกว่าแผ่นดินนี้ให้โอกาสมากมาย จึง ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศชีวิต และปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดิน รับใช้ประชาชนรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นปณิธานที่แน่วแน่ ยึดมั่นมาตลอดและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนชีวิตจะหา แรงบันดาลใจก่อนที่จะสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาคือความหวังที่จะใช้เวลาเหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเพื่อรับใช้ประชาชนแก้ไขปัญหาของคนในชาติ ในช่วงที่เป็นวิกฤติครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
นับตั้งแต่วันนี้จะตั้งตั้งใจทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่หวังไว้ และเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภามีความตั้งใจไม่ต่างกัน คือการปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่ต้องการให้ประเทศและคุณภาพชีวิตของคนไทยไปสู่สิ่งที่ดีกว่าและดีขึ้นในทุกมิติ ซึ่งการทำงานของวุฒิสภาโดยมีประชาชนเป็นเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมาจะนำไปสู่สิ่งนั้นได้ จึงต้องการเห็นสังคมไทยและคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราเห็นต่างกันได้แต่จะต้องไม่สร้างความแตกแยก จะเริ่มต้นจากความหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้ ซึ่งเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติที่จะพาสังคมไทยเดินหน้าด้วยสันติวิธี รวมถึงการมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เหมาะสม สอดคล้องกับคนไทยอย่างแท้จริงซึ่งเป็นภารกิจของทุกคนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ส่วนวิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย จึงไม่สามารถที่จะหวังให้ใครช่วยได้ คนไทยจะต้องช่วยกัน
ชีวิตผมมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นเด็กวัดเรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นสาย ผมเติบโตมาในระบบข้าราชการด้วยการทำงานอย่างหนัก เป็นความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชน ทั้งในชนบทมาตลอดตลอดชีวิต เมื่อเกษียณราชการไปทำไร่อยู่ในชนบท เพราะฉะนั้นจึงทราบดีและเข้าใจความรู้สึกของสมาชิกวุฒิสภา และเข้าใจปัญหายืนยันว่ามีประสบการณ์อันยาวนานและมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เรา
ดังนั้นเชื่อว่าสามารถที่จะเข้าใจและทำงานร่วมกับทุกคนได้ และวุฒิสภาชุดปัจจุบันใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่แต่เป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ปฏิรูปให้วุฒิสภาเป็นของคนทุกหมู่เราแบ่งเป็น 20 กลุ่มสาขาอาชีพ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาทำหน้าที่แทนกลุ่มอาชีพของตนเอง จึงขอให้ทุกคนได้รักษาไว้หากได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาจะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญตามข้อบังคับและกฎหมายต่างๆ ตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติทางด้านนิติบัญญัติอย่างเต็มสติปัญญาเต็มความรู้ความสามารถเพื่อรับใช้และอำนวยความสะดวกให้แก่การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา และพร้อมใช้ความรู้ประสบการณ์ที่มีประสานงานกับทุกคนให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เร็วที่สุดพร้อมกับเชิญชวนทุกคนช่วยงานก้าวเดินไปพร้อมกันเพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้บรรลุผลความเป็นสภาของสามัญชนจากกลุ่มวิชาชีพต่างๆเพื่อเป็นสภาที่ประนอมอำนาจดับวิกฤตของสังคมไทย
อ่านข่าว :