“ดีเอสไอ” แจง รับคดี “ศรีสวัสดิ์ฯ” เป็นตามขั้นตอนปกติ ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย “ธิดา” แจง “ศรีสวัสดิ์ฯ” ไม่คิดดอกเบี้ยเกินกม.กำหนด ยืนยัน พร้อมทำความเข้าใจดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือสอบถามข้อมูลและขอความเป็นธรรมจากผู้บริหารบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด โดยระบุถึงกรณีปรากฏภาพหนังสือราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เผยแพร่ผ่านช่องทางสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ในหลายกลุ่ม มีสาระสำคัญว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษมีการรับกรณีที่มีบุคคลกล่าวหาบริษัทข้างต้นว่ากระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อของบริษัทฯ ไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งเอกสารที่เผยแพร่ข้างต้นนั้น ทำให้กลุ่มบริษัทในเครือศรีสวัสดิ์ฯ ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทฯ ขอสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมกับแจ้งว่า ‘ผู้เสียหายจะมายื่นขอถอนเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษจำนวนหลายราย เนื่องจากเข้าใจคลาดเคลื่อนและไม่ติดใจดำเนินคดี’ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และมีความพร้อมในการนำข้อมูลพยานหลักฐานเข้าชี้แจง เพื่อยันยันความบริสุทธิ์ในการดำเนินธุรกิจ นั้น
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลมากล่าวหาบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด และที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าลักษณะที่จะต้องสอบสวนเป็นคดีพิเศษ และกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคจึงได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 แจ้งผู้ร้องทราบว่าได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ อันเป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาชั้นต้นตามกฎหมาย ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทำการสอบสวนต่อไป สำหรับประเด็นที่มีผู้มาถอนเรื่องนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเร่งรัดตรวจสอบและดำเนินการต่อไป เบื้องต้น ทราบว่ามีผู้เสียหายคงเหลือน้อยกว่า 4 ราย และมีมูลค่าความเสียหายน้อยกว่า 500,000 บาท โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมกับทุกคนอย่างเต็มที่
ด้าน น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กรณีสภาองค์กรผู้บริโภคระบุว่า บริษัทฯ มีการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยจากผู้กู้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 24 ทั้งที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ร้อยละ 15 นั้น ในส่วนของการเรียกเก็บดอกเบี้ยเราอ้างอิงกฎหมายที่ต่างๆ กัน ตัวอย่างเช่น บางผลิตภัณฑ์อ้างอิงกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ บางผลิตภัณฑ์ก็อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 982 ถึงมาตรา 986 ยืนยันว่า เราไม่เคยเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเมื่อคู่สัญญาทำสัญญากับบริษัทแล้วก็จะมีการให้เอกสารสัญญากับคู่สัญญาชัดเจนถูกต้องแน่นอน
น.ส.ธิดา ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทฯมีการประสานกับทางสภาองค์กรของผู้บริโภคมาโดยตลอด นับแต่เมื่อ 2-3ปีก่อน ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคระบุว่ามีลูกค้าสินเชื่อกับบริษัทฯ ไปร้องเรียนกับทางสภาองค์กรของผู้บริโภคจำนวน126ราย เราขอรายชื่อลูกค้าทั้งหมดมาดูแลให้ถูกต้องแต่ก็ได้รับมาประมาณ 6ราย ซึ่งบริษัทฯก็ได้อธิบายลูกค้าทั้ง 6 รายนี้จนจบมีการปิดบัญชี และปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียง 3 รายมูลค่าความเสียหายรวมไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้บริษัทได้มีการสำรองไว้เต็มจำนวนแล้ว
“เราพยายามติดต่อประสานงานอยู่ตลอดเพราะเราให้ความสำคัญกับลูกค้าและผู้บริโภคมาก แต่ก็ยังไม่เคยได้รับรายชื่อลูกค้าที่ร้องกับสภาองค์กรผู้บริโภคเพิ่มเติมอีก จะมีอีกส่วนของลูกค้าที่ร้องเรียน เพราะเข้าใจผิดจำนวน8- 9 รายไปร้องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งบริษัทมีการจัดส่งเอกสารมันก็จะจริงข้อกฎหมายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนภายหลังจากที่ชี้แจงแล้ว ลูกค้าก็ถอนข้อร้องเรียนออกเป็นอันจบกัน ลูกค้าเข้าใจดี โดยบางส่วนก็ปิดบัญชีรับหลักประกันกลับไป ซึ่งในส่วนนี้เรายืนยันว่าเราแก้ไขปัญหาทุกกรณีแล้ว”