เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2567 มีภาพปรากฏบุคคลที่เป็นผู้นำการเมือง คนมีตำแหน่งทางการเมือง และกลุ่มทุนทางการเมือง ที่อาจจะสะท้อนได้ถึงภาพผลลัพธ์ทางการเมือง ทั้ง การเลือกตำแหน่งผู้นำสภาสูง การตรึงราคาพลังงาน หรือ ข้อสรุป เรื่อง “กัญชา” แต่ที่ได้ข้อสรุป จากภาพที่เห็นเด่นชัด คือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่เชื่อมถึงประเด็นการดึงพรรคชาติพัฒนาเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย
ภาพต่อมาสะท้อนความเป็นเนื้อเดียวกันของ “โคราช” ที่ “ไม่เห็นต่าง-ไม่ขัดแย้งและไม่แตกแถว” ระหว่างกลุ่มใหม่-ชาติพัฒนา กับกลุ่มบ้านใหญ่ “วังศุภกิจโกศล”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มแต่ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามโผ “ประธานและรองประธานวุฒิสภา” แล้วยัง “ตรึงราคาพลังงาน” เป็นไปตามข้อสังเกต “ดีลเขาใหญ่” ที่มีนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซึ่งคนการเมืองเรียกว่า “กลุ่มทุน” อยู่ในภาพ และอยู่ในงานด้วย จากข้อมูลการตรึงราคาน้ำมัน มีการพูดคุยระหว่างหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กับนายทักษิณแล้วว่าต้องตรึงไว้เพื่อประชาชน ก่อนจะเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายเพื่อปรับแก้ราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันในเร็ว ๆ นี้
อีกประเด็น คือ ทางจบของ “กัญชา” แม้นายอนุทินจะยืนยันไม่จำเป็นต้องดีลกับนายทักษิณถึงเขาใหญ่ แต่งานนี้มีคนยืนยันว่าระหว่างที่นายอนุทินเจอกับนายทักษิณและคุยเรื่องนี้ อีกทาง นายกฯ เศรษฐา ก็คุยเรื่องนี้กับนายเนวิน ชิดชอบ ที่ กทม.เช่นกัน
เห็นได้จาก ก่อนประชุม ครม. ทั้งรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และนายอนุทิน ถกนอกรอบกับนายกฯ หนึ่งในนั้นคือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แต่คุยเสร็จนายสมศักดิ์ก็กลับไปปฏิบัติภารกิจ-งานกระทรวงและให้สัมภาษณ์ว่า มี 2 ทางเลือก
ทางเลือกแรกคือประชุม ปปส.น่าจะจบแล้ว แต่รองนายกฯ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานกรรมการ ป.ป.ส. บอกไม่ทราบเรื่อง ส่วนทางเลือกที่ 2 คือการตราเป็นกฎหมายควบคุม “กัญชา” ซึ่งก็ค้างอยู่ในสภาฯ รวม 3 ฉบับ และทางเลือกนี้ นายอนุทิน ก็กล่าวขอบคุณนายกฯ ไปแล้ว
ท้ายที่สุด ดีลเขาใหญ่ จะมีผลลัพธ์ต่อการเมืองระหว่าง เพื่อไทย และ ภูมิใจไทย อย่างไร หลังศาลรัฐธรรมนูญคาดว่าจะนัดฟังคำวินิจฉัยถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ช่วง 14 ส.ค. เพราะจากนี้ไป “ภูมิใจไทย” คือพรรคอันดับ 2 ที่คุมเสถียรภาพรัฐบาล รวมถึงการคุมอำนาจในสภาสูงโดยกลุ่ม สว.สายสีน้ำเงิน
จับตาต้นเดือนสิงหาคมต่อไปว่าการเมืองไทยจะถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” หรือไม่ นาทีนี้คงจะไม่เกินภาพ ที่มีการตั้งข้อสังเกตทางการเมืองกันจนเกิดปรากฏการณ์ “ดีลลับที่เขาใหญ่”
อ่านข่าวอื่น :