ประเดิมเดือด เปิดเดือน ส.ค. (1 ส.ค.) นับถอยหลัง 3 ประเด็นร้อนการเมือง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในข้อหาล้มล้างการปกครองฯ วันที่ 7 ส.ค.นี้ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวบนหน้าเพจเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล ปล่อยคลิปวิดีโอมาอย่างต่อเนื่อง หลังชุดแรกออกมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.เนื้อหาระบุ หากพรรคการเมืองเกิดขึ้นมาได้ด้วยการสนับสนุนจากประชาชน ก็ย่อมตายด้วยประชาชน
“เราผิดหวังกับรัฐบาลข้ามขั้ว แต่ไม่เคยหมดหวัง เพราะพวกเราไม่ได้คิดอยู่คนเดียว พรรคก้าวไกลสามารถชนะเลือกตั้งมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งได้ เพียงแค่การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาเท่านั้น รวมทั้งได้รับการบริจาคจากประชาชน สูงเป็นอันดับหนึ่งในทุกปีที่ผ่านมา และได้รับคะแนนเสียงบัญชีรายชื่อสูงเป็นอันดับหนึ่ง “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคฯ ระบุตอนหนึ่ง
และในวันที่ 2 ส.ค.นี้ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ได้นัดแถลงข่าว ชี้แจงเนื้อหา และสรุปข้อต่อสู้ในเอกสารคำแถลงปิดคดีที่พรรคก้าวไกลส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ
คดีที่สอง วันที่ 14 ส.ค. เช่นกัน ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้อง กลุ่ม 40 อดีต สว. กรณี นายกฯนิด “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายกฯนิด “เศรษฐา” สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 หลังนายกฯ นิด ได้ส่งคำแถลงปิดคดีแบบลายลักษณ์อักษรถึงศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วเมื่อช่วงเย็น 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
…มีข้อความตอนหนี่ง จากเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ได้สรุปประเด็นว่า การกระทำทั้งหมดตามคำร้อง (กลุ่ม40 สว.) มีที่มาจากข้อกล่าวหา ที่เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลของนายพิชิต ซึ่งศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้อง และจำหน่ายคดีในส่วนของนายพิชิตไปแล้ว และผู้ถูกร้องที่หนึ่ง (นายกรัฐมนตรี) ควรต้องรับผิดเฉพาะเหตุที่เกิดจาก (1) การขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามที่เกิดจากการกระทำของตัวนายกรัฐมนตรีเองโดยแท้ หรือ (2) การรู้เห็นหรือรับรู้ การขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ของบุคคลอื่นอย่างชัดแจ้ง แต่ยังคงดำเนินการต่อไป
ดังนั้น ในคดีนี้ ไม่ว่า นายพิชิต จะขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามการเป็น รมต.ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตัวนายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีตามไปด้วย เพราะตนเอง และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามวิธีการ และขั้นตอนในการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ตามที่ได้ปฏิบัติกันมาตลอด
“ความผิดของผู้ถูกร้องที่สองคือ นายพิชิต ยังเสมือนเป็นความผิดประธาน ซึ่งในขณะที่มีการเสนอชื่อนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ก็ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยความผิดประธานโดยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของตนเอง ในฐานะผู้ถูกร้องที่หนึ่ง จึงเปรียบเสมือนเป็นความผิดอุปกรณ์ จึงไม่อาจมีไปด้วยได้”
และคดีสุดท้าย คือ กรมราชทัณฑ์จะดำเนินการออกใบบริสุทธิ์ให้ตามกฎหมาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังพ้นกำหนดเวลาการพักโทษในเดือน ส.ค.67 สำหรับใบบริสุทธิ์ ในทางกฎหมาย เรียกว่า “ใบสุทธิ” อยู่ใน พ.ร.บ.กรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ในมาตรา 67 พ.ร.บ.กรมราชทัณฑ์ฯ ระบุว่า เมื่อจะปล่อยผู้ต้องขังให้ปฎิบัติดังต่อไปนี้.. (5) ออกใบสำคัญการปล่อยนักโทษเด็ดขาดที่พ้นโทษ ถือเป็นเอกสารสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่พ้นโทษแล้ว หากทำหายต้องไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน และติดต่อกรมราชทัณฑ์เพื่อขอรับเอกสารฉบับใหม่
ทันควัน และทันที เมื่อศาลอาญา มีคำสั่งยกคำร้อง “ทักษิณ ชินวัตร” จำเลย ในคดีอาญาตามมาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังได้แจ้งความประสงค์เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไป พำนักที่เมืองดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์ซึ่งเคยตรวจรักษาอาการป่วยของจำเลยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจ เอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ในสถานพยาบาล ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 2 เเละ 8 ส.ค.2567
…ช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำเลยยังมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญหลายคน เกี่ยวด้วยภารกิจส่วนตัวของจำเลยหลายเรื่อง โดยจำเลยจะเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานซึ่งศาลนัดไว้ในวันที่ 19 ส.ค. 2567 เวลา 09.00 น.
ศาลฯ ระบุว่า แม้จำเลยอ้างตัวเองเป็นพยานเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยมีเอกสารหลักฐานจากแพทย์สนับสนุน และนัดพบบุคคลสำคัญหลายคน โดยช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นช่วงเวลาก่อนกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานก็ตาม แต่อาการป่วยของจำเลยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทย ตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว
การเดินทางไปพบบุคคลสำคัญของจำเลยเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลย ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็นดังกล่าว ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่เดินทางใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐานในชั้นนี้ จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงยกคำร้อง
Very Happy สิงห์บางบอน “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ปะหน้านักข่าวที่สภา และให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทการทำหน้าที่ในสภาฯหลังมีการแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ ว่า อยู่ที่ห้องทำงาน และมาสภาทุกครั้งที่มีนัดประชุมใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แฮปปี้ดีไหม ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกลัวว่า Very Happy และยิ้มให้….ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ หลังเจอคำถาม กรณี จ๊อบ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” สมาชิก พปชร. ระบุ จะมีการเปิดตัว 2 อดีตสมาชิก-สส.พรรคเพื่อไทย ว่า “ไม่ทราบเรื่อง”
อ่านข่าว :
ศาลยกคำร้องไม่อนุญาต “ทักษิณ” บินดูไบรักษาตัว