ยังชุลมุน เมื่อ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาป้อง “จ๊อบ” สามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรค ในฐานะโฆษกประจำตัวของหัวหน้าพรรคฯ หลังก่อนหน้านี้ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร สายตรง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรมว.เกษตรฯ ออกมาปะทะข้อความผ่านการโพสต์เฟซบุ๊ก หลายครั้งแบบไม่มีลดราวาศอก
ยิ่งเมื่อ “จ๊อบ”สามารถ ออกมาเปิดเผย ว่า เตรียมรถ 3 คัน ขน สส. ไปพบ “ลุงป้อม” พล.อ. ประ วิตร ทำให้กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส ไม่พอใจ
” การสนับสนุน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ก็ไม่เป็นสิ่งผิด เพื่อจะได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค ..ผมรักพล.อ.ประวิตรยิ่งกว่าพ่อ ยิ่งกว่าเจ้านาย เพราะถือว่าให้โอกาสทางการเมือง จึงพร้อมที่จะสนับสนุนพลเอกประวิตรจนสุดทาง ซึ่งทางการเมืองไม่มีใครกลัวใคร เพราะพรรคร่วมรัฐบาลควรพร้อมที่จะเป็นแกนนำได้เสมอ” “จ๊อบ” สามารถ ระบุ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มสส.สายตรงของร.อ.ธรรมนัส โดย “ไผ่ ลิกค์” ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน พร้อมข้อความ …ปลดแน่ นอนคนที่สร้างความวุ่นวาย เซ็นกันทุกคนทั้งพรรค ในขณะที่ “จ๊อบ” สามารถ ก็ปักหลักท้าชน ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดว่า “เพื่อไทย” เตรียมจัดหนักให้เขี่ย”พลังประชารัฐ”พ้นพรรคร่วมรัฐบาล จริง-เท็จ หรือแค่ข่าวปล่อย ต้องติดตาม
แม้ “ทักษิณ ชินวัตร” บิ๊กบอส พรรคเพื่อไทย ไม่ได้บินไปรักษาตัวที่ดูไบ หลังศาลยกคำร้อง แต่ “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) มั่นใจว่า ไม่มีปัญหา และไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมั่นใจว่า “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน จะไม่สะดุดล้ม หรือมีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ จากปมเสนอชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ 14 ส.ค.นี้
“สส.พรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นและมั่นใจในความบริสุทธิ์ การแต่งตั้งรัฐมนตรี นายกฯ ได้หารือสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เป็นไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ดำเนินการตามคำแนะนำของทุกภาคส่วน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและข้อกฎหมายครบครบถ้วนทุกประการ”
“…เราไม่เคยคุยกันในเรื่องนายกฯสำรอง เชื่อมั่นว่านายเศรษฐา จะได้ไปต่อและมีโอกาสเป็นนายกฯได้ถึง 2 สมัย 8 ปี …นายกฯสำรองไม่มี มีแต่นายกฯตัวจริงที่ทุ่มเททำงานหนัก เพื่อประเทศชาติและประชาชน เชื่อมั่นว่านายกฯเศรษฐาจะได้ไปต่ออย่างแน่นอน” อนุสรณ์ ย้ำ
เพราะมั่นใจว่า ได้ไปต่อ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เดินทางลงพื้นที่จ.นราธิวาส พบกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยควงคู่ “มท.หนู“ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย และ “รมว.ปู” มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ไปด้วย
นอกจากนี้ นายกฯนิดยังมีคิวเดินทางไปต่างจังหวัดยาว โดยจะเดินทางไปเชียงใหม่กับเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ ดูปัญหายาเสพติดในกลางเดือนส.ค. และในเดือนก.ย.จะเดินทางไปกัมพูชา หารือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ปิดเวทีปราศรัยตรงเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ไปแล้ว แต่ “ตั้ม” พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อความยุติธรรมถูกรังแกมาก ๆ ถึงเวลาก็ต้อง “ไล่รัฐบาล”กันอีกครั้ง
พร้อมข้อความ ความเหิมเกริมที่ ทักษิณ ชินวัตร ขอออกนอกประเทศทั้งที่ 1.ยังเป็นนักโทษ คดีทุจริต และ 2.เป็นผู้ต้องหา ม.112
…การกล้าบังอาจบอกเหตุผลว่า จะไปรักษาอาการป่วยและพบแขกสำคัญส่วนตัวก็มาจากความทนงตนจากการที่ อยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง นั่นหมายถึงที่ ทักษิณ เหิมเกริมขนาดนี้มาจากการที่มีขบวนการช่วย ทักษิณ ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว …รัฐบาลปล่อยให้การบังคับโทษอ่อนแอ ปล่อยให้นักโทษมีอำนาจเหนือรัฐ ถึงเวลาไม่ใช่แค่ ทักษิณ ต้องติดคุก
อารมณ์ร่วม รับไม้ต่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ว่า #ไปตั้งหลักที่ดูไบหรือไม่…เข้าใจว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ คงแซ่ซ้องสรรเสริญ ชื่นชมยินดีที่ศาล ไม่อนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปดูไบ
ด้วยข้ออ้างสี่โรคเดิม แถมเอ็นเปื่อย เพราะก่อนหน้านี้คงได้เห็นภาพ นายทักษิณเดินสายงานต่างๆ ออกรอบตีก๊อฟ ด้วยท่าทางแข็งแรง แต่ทำไมต้องทำเรื่อง ขอเดินทางออกนอกประทศ ในช่วงนี้
ที่สำคัญนายทักษิณ ไม่เพียงแต่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นช่วงประกันตัวคดี 112 แต่ขณะนี้เขายังเป็นนักโทษ ที่ได้รับการพักโทษกรณีพิเศษอีกด้วย
ลำพังการที่ยังไม่ได้รับใบปล่อยตัวหรือใบบริสุทธิ์ ที่จะครบกำหนด 22 ส.ค.นี้ ก็ไม่สมควรได้เดินทางออกนอกประเทศ เพราะแค่การออกต่างจังหวัด ยังต้องขออนุญาต กรมบังคับคดี
สิ่งที่ต้องตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนายทักษิณต้องไปดูไบช่วงนี้ ช่วงยุบพรรคก้าวไกล วันที่ 7 ส.ค. และช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีของนายเศรษฐา วันที่ 14 ส.ค. หรือว่านายทักษิณมีความไม่แน่ใจใดๆ ที่จะเกิดขึ้น เพราะตามประวัติ นายทักษิณกลับเมืองไทยวันที่ 22 ส.ค.2566 ก็ต้องมั่นใจว่านายเศรษฐาต้องได้เป็นนายก พรรคเพื่อไทยต้องได้ครองอำนาจ
ค่ายสีฟ้า ยังไม่ทิ้งลายเสือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ สถานการณ์ทางการเมืองส.ค.นี้ ว่า อาจจะเป็นเดือนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ในหลายกรณี เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ประดังกันเข้ามา แต่ถ้าดูให้ลึกจะเห็นว่า แต่ละสถาน การณ์มันมีที่มาที่ไปหรือเกิดแต่เหตุ ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจงใจสร้างขึ้นมาได้ และหลายเหตุก็มาจากการกระทำของรัฐบาลเอง
อดีตหัวหน้าพรรคปชป. ย้ำว่า ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร มันก็มีทางออกของมัน ในฐานะของผู้ที่อยู่กับการเมือง จึงไม่ได้รู้สึกห่วงใยอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่เห็นว่าน่าห่วงเป็นอย่างยิ่งคือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ของคนรากหญ้าไปถึงคนชั้นกลาง ที่กำลังประสบกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นทุกวัน
ทั้งภาวะค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน ที่มีรายได้มาเท่าไหร่ต้องใช้หนี้ 90 กว่า% จนคนไทยต้องจมปลักอยู่กับภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง ธุรกิจจีนเข้ามากินรวบกิจการคนไทย ธุรกิจฐานรากไทยเข้าคิวปิดกิจการ
…จนถึงวันนี้ยังไม่มีแสงสว่างใดๆจากปลายอุโมงค์ให้เห็น นอกจาก”เงินยาไส้ชั่วคราว”ก้อนเดียว คือ ดิจิตอล วอลเล็ต ซึ่งเมื่อพ้นจากดิจิตอล วอลเล็ตหรือเงินกู้มาแจกแล้ว ยังมองไม่เห็นว่าประชาชนจะมีอะไรหลงเหลือให้หวังได้อีก