ในที่สุด ทริปไปดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลอาญาปฏิเสธ
หลังจากนายทักษิณ ในฐานะจำเลยคดี ม.112 ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา รัชดา เมื่อ 27 ก.ค. ขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อพบแพทย์ที่เคยรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบทางเดินหายใจและหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงหมอที่รักษาเอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ในโรงพยาบาล ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องและวินิจฉัยวันที่ 30 ก.ค.ไม่อนุญาต
เหตุผลสำคัญของศาลอาจเสียดแทงใจใครบางคน แต่ถูกใจคนไทยและแพทย์ไทยที่มีความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าแพทย์ต่างประเทศ คืออาการป่วยของนายทักษิณ เป็นโรคที่คนทั่วไปก็เป็น และแพทย์ในประเทศไทยสามารถตรวจรักษาได้
การเคลื่อนไหวขอเดินทางไปดูไบของนายทักษิณครั้งนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ และไร้คำอธิบายที่ชัดเจน ตั้งแต่การนัดรักษากับแพทย์ 2 วัน คือ 2 ส.ค. และ 8 ส.ค. แต่กลับขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ 1-16 ส.ค. เลยวันนัดแพทย์ครั้งที่ 2 วันที่ 8 ส.ค.ไปอีกนานกว่า 1 สัปดาห์
ถัดมา คือนับตั้งแต่เดินทางกลับไทย 22 ส.ค.2566 เหตุผลที่มีการอ้างถึงกรณีนายทักษิณไม่ได้ติดคุกในเรือนจำเลยกระทั่งเข้าเกณฑ์พักโทษ คือต้องไปรักษาตัวด้วยอาการป่วยสารพัดโรคดังที่อ้างถึง ที่โรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์สามารถรักษาอาการป่วยต่างๆ ได้หายอย่างเห็นได้ชัด โดยดูจากภาษากายตั้งแต่วันพ้นโทษออกจากโรงพยาบาล และทันวันพ้นโทษอย่างน่าทึ่ง สะท้อนประสิทธิภาพของแพทย์ รพ.ตำรวจได้เป็นอย่างดี แล้วไฉนยังต้องขอบินไปดูไบเพื่อรักษากับแพทย์ที่นั่นอีก
อ่านข่าว : ศาลยกคำร้องไม่อนุญาต “ทักษิณ” บินดูไบรักษาตัว
ประเด็นถัดมา คือไม่เพียงไปรักษาตัวกับแพทย์ที่ดูไบเท่านั้น แต่ยังมี “หมายแทรก” นัดพบบุคคลสำคัญที่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเป็นใครอีกหลายคน แต่ความเห็นของศาล คือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนที่ต้องไปพบ นอกเหนือจากเชื่อว่า คนหนึ่งที่นายทักษิณจะได้พบแน่นอน คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวรอเดินทางกลับประเทศไทย
ประเด็นสำคัญ เท่ากับตอกย้ำความเป็น “คนวีไอพี” ตัวจริง แม้ปัจจุบันจะได้รับการพักโทษ แต่ยังไม่พ้นโทษ การไปไหนมาไหนต้องขออนุญาตจากกรมคุมประพฤติ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และช่วงหลังๆ มีคิวเดินทางบ่อย กระทั่งถูกกูรูการเมืองตั้งข้อสงสัยว่า ต้องขออนุญาตกรมคุมประพฤติ หรือกรมคุมประพฤติต้องคอยอำนวยความสะดวกให้
แต่ต่างจากเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรมประพฤติอย่างเดียว แต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล คงจำกันได้ว่า นายทักษิณได้รับอนุญาตให้ประกันตัว คดี ม.112 เมื่อ 18 มิ.ย.2567 นอกจากตีราคาประกัน 500,000 บาทแล้ว ยังให้นายทักษิณวางหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตไว้กับศาลเป็นหลักประกันด้วย
นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติกับศาลอาญา ยังมีภารกิจและมุมมองการพิจารณาอนุญาตตามขอไม่เหมือนกัน เพราะศาลพิจารณาจากเหตุและผล รวมถึงความจำเป็น ไม่ได้พิจารณาจากชื่อเสียง หรือจากบารมีทางการเมือง จึงไม่อนุญาตนายทักษิณ
ขณะเดียวกัน วันที่ 21 ส.ค. จะครบวันพ้นโทษแล้ว เหตุใดนายทักษิณไม่จัดโปรแกรมเดินทางไปต่างประเทศ ภายหลังพ้นโทษ ได้รับใบผู้บริสุทธิ์ก่อน
ส่งผลทำให้หลายคนอดจะคิดไม่ได้ แม้นายทักษิณอาจไม่ได้คิด หรืออาจคิดอยู่ในใจแต่แรก คือสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้บารมีตัวจริง ยิ่งหากสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ทั้งที่อยู่ในระหว่างพักโทษ
เป็นปมเงื่อนที่สอดแทรกตามมา หลังจากมียื่นขอศาลอาญาขอเดินทางไปดูไบของนายทักษิณ
อ่านข่าว :