เลขาธิการพรรค LDP ญี่ปุ่น เข้าพบ “แพทองธาร ชินวัตร” ในโอกาสเยือนภูมิภาคอาเซียน ย้ำ “ไทย” ยังเป็นพาร์ทเนอร์และฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับ “ญี่ปุ่น” – ยืนยันพร้อมเร่งรัดสนับสนุน “ไทย” ร่วมสมาชิก OECD
วันนี้ (1 สิงหาคม 2567) นายโมเตกิ โทชิมิตสึ (Mr.Motegi Toshimitsu) เลขาธิการพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น และยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น พร้อมคณะ เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย, นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายดุสิต เมนะพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น, นายพลนชชา จักรเพ็ชร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไทยกับญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดด้านเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติ ที่มียอดลงทุนสะสมในไทยเป็นอันดับ 1 และเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นกรอบความร่วมมือสำคัญ ที่สนับสนุนการค้า พร้อมยังเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในไทยให้มากยิ่งขึ้น
นางสาวแพทองธาร ยังได้หยิบยกประเด็นมาตรการองรับการลงทุนต่างชาติของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า รัฐบาล ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ที่มุ่งหมายส่งเสริมการพัฒนาประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ประกอบกับนโยบาย Soft Power ที่สนับสนุนให้มีการฝึกอาชีพให้พี่น้องประชาชนคนไทย สร้างงานสร้างอาชีพด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งภาคเอกชนญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญในหลายสาขา พร้อมมองว่า นายโมเตกิ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในพรรค LDP จึงขอให้ช่วยสนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการค้า การลงทุนระหว่างสองประเทศ พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และวัฒนธรรมระหว่างกันของประชาชนต่อประชาชนให้มากขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลญี่ปุ่น ก็มีนโยบายสนับสนุน Digital Transformation และ Green Transformation (GX) เพื่อนำไปสู่ Asia Zero Emission Community (AZEC) อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะร่วมมือกัน สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ด้วย
“ขอให้เชื่อมั่นว่า ญี่ปุ่นกับไทย เป็นหุ้นส่วนที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันมายาวนาน ซึ่งความสำคัญนี้ จะไม่มีวันลดลงไป ยิ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปัจจุบัน ไทยกับญี่ปุ่น ยิ่งจำเป็นต้องจับมือ ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันมากขึ้น ซึ่งล่าสุดรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ได้เพิ่มโอกาส และอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อการท่องเที่ยว และการเจรจาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการพำนักในไทยให้ชาวญี่ปุ่น ที่เข้าไทย โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า จาก 30 วัน เป็นไม่เกิน 60 วัน จึงหวังว่า จะช่วยทำให้ชาวญี่ปุ่น เดินทางมาประเทศไทยเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจ และท่องเที่ยวมากขึ้น” นางสาวแพทองธาร กล่าว
ขณะที่ นายโมเตกิ ยืนยันว่า ญี่ปุ่นมองไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับไทย มีพลเมืองญี่ปุ่น อาศัยอยู่กว่า 70,000 คน และมีอีกกว่า 6,000 บริษัทในประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทย จึงมีความสำคัญกับญี่ปุ่นมาก พร้อมยืนยันอีกว่า ญี่ปุ่นยังคงอยากร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อผลักดันด้านความมั่นคงทางพลังงาน และอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้เป็นพาร์ทเนอร์ในระยะยาว และยังรับปากด้วยว่า จะช่วยหารือให้กระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) ของไทยเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นายโมเตกิ ยังเปิดเผยด้วยว่า รู้สึกยินดี ที่ได้มาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งตนเคยมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในวันนั้นได้พบกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้พบกับบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณด้วย พร้อมยังได้ฝากแสดงความเสียใจไปยังนายเศรษฐา ที่ต้องสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดด้วย
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือถึงสภาวะสังคมสูงอายุที่ทั้งญี่ปุ่น และไทย กำลังเผชิญร่วมกัน และรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ก็สนับสนุนให้พลเมืองในประเทศของตน มีบุตรมากขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ นางสาวแพทองธาร ได้มอบ “กล่องรับขวัญ” ที่พรรคเพื่อไทย จัดทำขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมุ่งหวังให้อนาคตของชาติ เติบโตไปอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญเพื่อพัฒนาประเทศไทย แก่นายโมเตกิ เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งนายโมเตกิ ก็ได้ชื่นชมในนโยบายนี้ของพรรคเพื่อไทยด้วย