วันนี้ (9 ส.ค.2567) ภายหลังการประชุม สส.อดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งย้ายไปสังกัดพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และมีมติเปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคประชาชน” โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค และนายศรายุทธ ใจหลัก อดีตผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล ได้รับการเสนอชื่อเป็น เลขาธิการพรรค
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายณัฐพงษ์ พร้อมด้วย นายศรายุทธ ,น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ร่วมแถลงข่าว
อ่านข่าว : เปิดตัว “พรรคประชาชน” สานต่ออุดมการณ์ “ก้าวไกล”
นายพริษฐ์ กล่าวว่า นับไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค พวกเราฟื้นคืนชีพกลับมาในนามพรรคประชาชน วันนี้อดีต สส.พรรคก้าวไกลทั้งหมด 143 คนที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึง สก. 11 คนของอดีตพรรคก้าวไกล รวมไปถึงแนวร่วมและเครือข่ายของพรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ร่วมประชุมเพื่อตกลงร่วมกันเพื่อเดินหน้าต่อ เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันการเปลี่ยนแปลงของประเทศในนามพรรคประชาชน
เหตุผลที่เลือกใช้ชื่อ “พรรคประชาชน” เพราะต้องการเป็นพรรคการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพราะเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดคือประชาชน สถาบันการเมืองควรยึดโยงกับประชาชนและตรวจสอบได้โดยประชาชน ส่วนสัญลักษณ์ของพรรคประชาชนเป็นสามเหลี่ยมมุมกลับ ต่อยอดมาจากแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล
ภารกิจแรกของพรรคต้องการเชิญชวนประชาชนและอดีตสมาชิกพรรคก้าวไกลกว่า 100,000 คน มาช่วยกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในบทถัดไปของสังคมไทย โดยการสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อต้องการให้ยอดสมัครทะลุ 100,000 คนโดยเร็ว รวมถึงการร่วมบริจาคให้กับพรรคเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง ตั้งเป้าให้ทะลุ 10 ล้านบาทโดยเร็วและในวันที่ 10 ส.ค.นี้ จะมีการจัดกิจกรรมทั่วประเทศเพื่อเปิดรับสมาชิกและรับบริจาคจากประชาชน
กรรมการบริหารพรรคประชาชน
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค
- นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรค
- นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค
- น.ส.ชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค
- นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค
ณัฐพงษ์” ตั้งเป้าชนะเลือกตั้งปี 70 เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้พรรคประชาชนได้แสดงให้เห็นว่ากระบวนการทำให้พรรคประชาชนเป็นสถาบันทางการพรรคการเมืองจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวก้าวไกล
“ภารกิจที่จะสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในปี 2570 หมายถึงจำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า และตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นนอกจากเป็นพรรคอันดับหนึ่งในปี 2566 คือการชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว”
ในฐานะหัวหน้าพรรค การสร้างพรรคให้แข็งแรงคือการทำงานหน้าบ้าน และทำโครงสร้างพรรคให้แข็งแรง ซึ่งนายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคเพราะทำหน้านี้และร่วมงานมาตั้งแต่แรก
เดินหน้าแก้ ม.112 แต่ปรับรูปแบบ-ไม่ต่อรองขั้วอำนาจ
เมื่อถามว่าจะลดเพดานในการแก้ไข มาตรา 112 หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าไม่เคยลดเพดานอะไร เสนอร่างแก้มาตรา 112 เพื่อปรับปรุงไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมืองในการกลั่นแกล้งพรรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และศาลไม่ได้สั่งห้ามให้แก้ไข แต่ไม่ประมาทและทำทุกอย่างรอบคอบ และการยุบพรรคก้าวไกลก็กลับมาศึกษาแต่ยังคงเดินหน้ากฎหมายในส่วนที่ยังมีปัญหาอยู่
ส่วนการยื่นคำร้องกับ ป.ป.ช.เรื่องจริยธรรมนั้น ต่างกับการยุบพรรค และ การกระทำของ สส. แต่ละคนที่ผ่านมา องค์ประกอบอาจต่างกัน บางคนไปเรียกร้องแทนกลุ่มผู้ชุมนุม บางคนไปใช้สิทธิการประกันตัว และเมื่อต้องพิจารณาแบบเคส และไม่กังวลพร้อมชี้แจงกับ ป.ป.ช.
“ยืนยันตั้งพรรคการเมืองไม่ได้หวังต่อรองขั้วอำนาจ แต่หวังเก้าอี้รัฐมนตรีเราต้องการเข้ามาเพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลง ถ้าการเจรจากับขั้วอำนาจเพื่อทางการเมืองแต่ไม่แลกผลประโยชน์บางอย่าง ที่พรรคก้าวไกลต้องไม่ขัดต่ออุดมการณ์ ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ขัดต่ออุดมการณ์พรรค”
ณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า การเจรจายืนบนหลักการพรรคประชาชน ถ้าเจรจาบนการเมืองไม่ขัดแย้งกับอุดมการณ์พรรคก็พร้อมเปิดประตูพูดคุย
ผู้สื่อข่าวถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นใคร โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน แม้วันนี้ยังไม่ได้ดีพร้อม แต่พร้อมพัฒนาตัวเอง ตราบใดที่ประชาชนทุกคนให้การสนับสนุน รวมถึงผู้สนับสนุนพรรค และสังคมโลก เห็นถึงสิ่งที่เราทำมาโดยตลอดเพื่อให้การเมืองดีขึ้น และเป็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องผ่านการหารือในอนาคต
สิ่งที่ผมมีไม่แพ้คนอื่น คือ ต้องการทำการเมืองใหม่ การเมืองที่ดีกว่าเดิม และการทำงานหนักเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง
นายณัฐพงษ์ ระบุถึงกรณีการตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 คน เป็นไปตามขั้นต่ำตามกฎหมายไม่ได้หลีกเลี่ยงอันตรายในอนาคต และต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้รอยต่อ ตั้งเป้าหาสมาชิก 100,000 คนภายใน 1 เดือน และเงินบริจาค 10 ล้านบาท จึงต้องทำทุกอย่างให้เร็ว และหารือภายในพรรค ออกแบบโครงสร้างพรรคที่ต้องประชุมกัน
นายพริษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมกรณีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ในฐานะที่ตนมีส่วนร่วมจัดทำนโยบายตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล เรื่องมาตรา 112 เป็นหนึ่งในนโยบายกว่า 300 นโยบายที่เสนอเข้าไป แต่หากย้อนกลับไปดูในสิ่งที่พรรคก้าวไกลเคยทำซึ่งพยายามจะแก้ไขทุกสิ่งที่มองว่าเป็นปัญหาของประเทศไทย ถ้าพูดอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่พรรคก้าวไกลดำเนินการมาจนถึงวันที่มีการยุบพรรค เราได้เสนอร่างกฎหมายเข้าไปทั้งหมดกว่า 60 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายอำนาจ การยกระดับขนส่ง แก้ปัญหาที่ดินทำกิน หรือการคุ้มครองสิทธิแรงงาน ซึ่งคิดว่าเป็นสัญญาณของพรรคการเมืองที่พร้อมจะแก้ทุกปัญหาของประชาชน ดังนั้นยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับทุกปัญหา
ส่วนประเด็นที่ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับมาตรา 112 หากย้อนไปดูในช่วงการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ก็ไม่ได้มีพรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่พูดถึงปัญหาของกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งบางพรรคพูดเรื่องการบังคับใช้ ขณะที่บางพรรคพูดตัวบทเนื้อหา ดังนั้นก็อาจจะเป็นคำถามที่ต้องถามทุกพรรคเช่นกันว่าสิ่งที่เคยมองว่าเป็นปัญหาจะหาทางออกกันเช่นไร
“ศรายุทธ” มั่นใจทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ตนเองมีหน้าที่ในการบริหารจัดการให้ทุกภาคส่วนทำงานประสานสอดคล้องสู่เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา ขณะเดียวกันต้องมีคนจำนวนมากเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ที่ผ่านมาเรามีโครงสร้างสมาชิกพรรค ทั้งส่วนที่เป็นตัวแทนสมาชิกพรรคผ่านงานเครือข่าย และโครงสร้างสมาชิกพรรคที่เป็น สส. ซึ่งคาดหวังการเติบโตของสมาชิกพรรคในอนาคต โดยเฉพาะการทำงานท้องถิ่น และรัฐบาลที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ
นายศรายุทธ เสียงสั่นเครือ พร้อมกล่าวว่า ถ้าเราทำสำเร็จ เรามั่นใจว่าจะมีพรรคที่ทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม
“ศิริกัญญา” ปัดชิงแคนดิเดตหัวหน้าพรรค
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ยินข่าว และการคาดเดาว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ จะมีใครบ้าง และตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และยืนยันว่าตัวเองไม่มีความประสงค์เป็นหัวหน้าพรรคตั้งแต่แรก และเนื่องจากมีกระบวนการภายในและเริ่มช่วงค่ำวานนี้ (8 ส.ค.) และมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งได้เสนอชื่อคนเดียวคือนายณัฐพงษ์ เพียงคนดียว โดยตัวเองเป็นผู้เสนอชื่อ และไม่ประสงค์แข่งหัวหน้าพรรค
“ด้วยที่มั่นใจว่ามีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นผู้นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ทำงานครบเครื่องและมีบทบาทในการบริหารงานเบื้องหลังพรรคมาโดยตลอด จึงมั่นใจและเพื่อนสมาชิกให้เสียงสนับสนุนนรับรอง และจึงขอแก้ข่าวที่ออกมา”
อ่านข่าว :
“ติ่ง ศรายุทธ” เพื่อนซี้ธนาธร จากหลังบ้านสู่เลขาฯ พรรคประชาชน