จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี หนึ่งในนั้น คือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1
วันนี้ (8 ส.ค.2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความเหมาะสมของตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎคนที่ 1 หากมาจากสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ตนเองคงตอบไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถตอบได้ คงให้ทางวิป 2 ฝ่ายหารือร่วมกัน
นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ คนที่ 2 ก็เป็นคนจากรัฐบาล หากรองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะมาจากพรรคร่วมฯ อีก ก็ชอบธรรมที่จะตั้งคำถามว่าสภาฯ สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและถ่วงดุลได้จริงหรือไม่ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรตนเองไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพียงกล่าวถึงหลักการกว้าง ๆ
“พิธา” รับกังวลหลังศาลรัฐธรรมนูญติงทูต
นายพิธา ยังกล่าวถึงการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อ้างไปถึงมารยาทของการแสดงความคิดเห็นของสถานทูตฯ ต่อการอ่านคำวินิจฉัย จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ ว่า ตนกังวลใจ เพราะแต่ละส่วนเกี่ยวข้องกับประชาคมโลกไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นิติบัญญัติ ตุลาการ ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งประเทศไทยต้องการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ทั้ง FTA OECD
ตนพูดในฐานะนิติบัญญัติ การจะพูดถึงประชาคมโลก หรือตำหนิใครแรง ๆ ก็ต้องระวัง สำคัญที่สุดเพื่อนก็ต้องเตือนเพื่อนได้ ไม่ใช่ว่าจะยึดว่าประเทศเรามีกฎหมายแบบเดียว ทั้ง ๆ ที่ ก็มีกฎหมายสากลอยู่ด้วย
ขณะที่นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า มีความหวังว่าหากเลือกประธานสภาฯ และรองประธานฯ ใหม่ จะมีความโปร่งใส เพราะการทดลองทำหน้าที่ 1 ปี พบว่าทำได้มากกว่าที่คิด ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีเวลาอีก 3 ปี ก็คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงสภาฯ ให้ดีได้