‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงจุดยืน ‘ทำหน้าที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านต่อ’ โดยไม่มีส่วนในการโหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรี
วันนี้ (15 สิงหาคม 2567) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม สส.ของพรรคประชาชน ร่วมแถลงจุดยืนต่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือก ‘นายกรัฐมนตรี คนที่ 31’ ตามมาตรา159 ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ ที่ 16 สิงหาคม 2567 พร้อมระบุผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า
‘พรรคประชาชนขอยืนยันอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองของพรรค ยังมั่นคงเหมือนที่เราเคยให้ไว้กับพี่น้องประชาชน
เมื่อ 1 ปีที่แล้ว รัฐสภามีการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราเคยสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในฐานะอดีตพรรคก้าวไกล ว่าเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อและอุดมการณ์ต่างขั้ว จะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้
จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาตลอด 1 ปี ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการยกระดับประชาธิปไตย พวกเรายังคงยืนยันคำเดิม
แม้วันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนคน แต่จากข่าวที่ปรากฏ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมมีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลร่วมกันต่อ โดยการร่วมกันเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน สส. มากที่สุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน เศรษฐา ทวีสิน
ดังนั้น พรรคประชาชนขอยืนยันว่าเราจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านโดยไม่มีส่วนในการโหวตสนับสนุน ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องร่วมกันเสนอชื่อและคาดว่าได้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
แม้พรรคประชาชนไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ในนามของพรรคได้ แต่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน มีความพร้อมเข้ามาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยเราต้องการผลักดันอีกหลายเรื่อง ที่ไม่เพียงแต่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่จะเดินหน้าใช้กลไกลสภาฯ อย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้
พรรคประชาชนขอยืนยัน ว่าแม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เรายังมีอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
ตัวอย่างสำคัญของวาระดังกล่าว ซึ่งถูกตอกย้ำให้สังคมเห็นได้ชัดขึ้นตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
(1) เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่และโครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
(2) เพื่อทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องของความรับผิดรับชอบทางการเมือง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่กลุ่มคนเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสิน
(3) เพื่อทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรคให้สอดคล้องกับหลักสากล
ซึ่งวาระเหล่านี้ สามารถดำเนินการได้คู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
หลังจากนี้ พรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวผ่านกลไกรัฐสภา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน’