หน้าแรก Voice TV วธ.ประกาศผล ‘1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste’ ประจำปี 2567

วธ.ประกาศผล ‘1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste’ ประจำปี 2567

51
0
วธ.ประกาศผล-‘1-จังหวัด-1-เมนู-เชิดชูอาหารถิ่น-รสชาติ…ที่หายไป-the-lost-taste’-ประจำปี 2567
วธ.ประกาศผล ‘1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste’ ประจำปี 2567

วธ.ประกาศผลการคัดเลือก ‘1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste’ ประจำปี 2567 ประชาชนร่วมโหวตเมนูในทุกจังหวัด 1.99 แสนคน เมนู ‘ขนมหน่อไม้’ ได้รับการโหวตสูงสุดถึง 22,945 คะแนน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เผยตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับ 76 จังหวัด และ กทม.ดำเนินการคัดเลือกอาหารถิ่นประจำจังหวัด ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste) ประจำปี 2567 โดยแต่ละจังหวัด มีคณะกรรมการประจำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทนที่เป็นประธาน ดำเนินการคัดเลือก รวมทั้งเปิดให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัด ร่วมโหวตเมนูที่ควรได้รับการคัดเลือกในจังหวัดตนเองพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-9 ส.ค.67 ที่ผ่านมา

บัดนี้ สวธ. ได้ผลการคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2567 แล้ว โดยมีเมนูอาหารที่ให้ประชาชนร่วมโหวตทั่วประเทศ 563 รายการ แบ่งเป็นเมนูอาหารคาว 234 รายการ เมนูอาหารหวาน 184 รายการ เมนูอาหารว่าง 143 รายการ และเมนูอาหารอื่น 2 รายการ ทั้งนี้ ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการโหวตคัดเลือกผ่านสื่อท้องถิ่น สื่อออนไลน์ต่างๆ ทุกช่องทาง ซึ่งแต่ละเมนูมีความพิเศษและสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละจังหวัดอย่างชัดเจน 

เมนูอาหารหวานจากจังหวัดปราจีนบุรี “ขนมหน่อไม้” ได้รับความสนใจและมีการโหวตสูงสุดถึง 22,945 คะแนน 

รองลงมาได้แก่ เมนูอาหารหวาน “ขนมถังแตกมอญ” จากจังหวัดกาญจนบุรี 4,660 คะแนน 

เมนูอาหารคาว “ปลายอก ข้าวบอก” จากจังหวัดกระบี่ 4,259 คะแนน 

_All2.png

นอกจากนี้ยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ “ขนมเหนียวสูตรโบราณ” จาก กทม. , “กาละแมรวงข้าวเม็ดบัว” จากจังหวัดปทุมธานี “ยำไก่ผีปู่ย่า” จากจังหวัดสุโขทัย, “แกงอีเหี่ยว”จากจังหวัดเพชรบูรณ์ และ “แกงคั่วหนามพุงดอหมูย่าง” จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , “ข้าวมัน แกงตอแมะห์ปลา” จากจังหวัดสตูล “น้ำพริกหมู (โคราช)” จากจังหวัดนครราชสีมา, “นมเนียล”จากจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น 

โครงการนี้ ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาหารไทยและวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับอาหารถิ่นของไทย พร้อมทั้งต่อยอดภูมิปัญญาด้านสมุนไพรและสรรพคุณทางเลือกที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและเครือข่ายวัฒนธรรมทั่วประเทศ ซึ่งมีหลายเมนูที่หลายคนอาจยังไม่เคยลิ้มลอง อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนาอาหารถิ่นไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตลอดจนยกระดับอัตลักษณ์อาหารไทยในเวทีสากลด้วย

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์อาหารถิ่นไทย แต่ยังเป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยอดเยี่ยม และเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตามรอยและลิ้มรสอาหารถิ่นที่มีความพิเศษจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ  

โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อเมนูอาหารถิ่น พร้อมร้านจำหน่ายได้ที่ เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม / Facebook กรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/ewt_news.php?nid=7843&filename=index (ประกาศรายชื่อ1 จังหวัด 1 เมนู ฯ ) และ Facebook สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่