หักให้เห็น เล่นให้มอง บนเวทีโชว์วิสัยทัศน์ โดย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024 ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ Nation TV (22 ส.ค.) นอกจากเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน การผลักดันเศรษฐกิจใต้ดิน ผ่าน Entertainment Complex หวังเพิ่ม GDP 50% และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ปรากฎการณ์อีกด้าน ในมุมการเมืองของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร”ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติครม. 35 คน ก็ยัง มีการหักล้าง -หักเหลี่ยม อย่าง ถึงพริก -ถึงขิง
อ่านข่าว “ทักษิณ” โชว์วิชั่นแก้หนี้-ฟื้นเศรษฐกิจ เฉลยดิจิทัลวอลเล็ตใครได้บ้าง
หลังจากพรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นพรรคแรกที่ถูก “ฉก” สส.ยโสธร “สุภาพร สลับสี” ทำให้คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมมีมติขับออกจากพรรคเป็นรายบุคคล ในประเด็นการฝ่าฝืนอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และจุดยืนในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว คาดหลังจากนี้ “สุภาพร” คงเข้าไปสส.อยู่ในสังกัดของพรรคเพื่อไทย จนกว่าจะสิ้นสุดรัฐบาลแพทองธาร
ในขณะที่อีก 5 สส. แม้จะยังไม่ชัดเจนถึงชะตากรรมว่า จะอยู่กับ “ไทยสร้างไทย” หรือจะไปต่อกับพรรคเพื่อไทย แต่การทิ้งให้ “หัวหน้าพรรค” คุณหญิงสุดารัตน์ โดดเดี่ยวทางการเมืองก็ถือว่า “เลือดเย็น” ไม่น้อย
แม้ คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ ไม่เสียดายถ้าสส.จะไม่อยู่กับพรรค เพราะพรรคต้องมีจุดยืน แม้จะไม่มี สส. เหลืออยู่ เราจะไม่ทำให้การเมืองเลอะเทอะมากขึ้น และไม่ทำให้จริยธรรมอันดีที่ควรเกิดขึ้นในทางการเมืองและทางสังคมไทยนั้นเสียหาย ถ้าใจของสส.ไม่อยู่แล้ว และไม่คิดถึงอุดมการณ์ของพรรค ก็ต้องยอมรับ แต่ไม่ใช่การไล่ใคร พรรคให้โอกาสพูดคุยกับสส. และพร้อมที่จะเข้าใจในเหตุผลที่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะเห็นต่างกันได้ แต่ต้องไม่ไปทำอะไรที่ไม่สุจริต หรือ ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง
“เราได้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ นี้ขึ้น เพื่ออยู่กับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนใครจะมีความแค้นอะไรกับใคร ไม่ขอสนใจ และย้ำว่าเราต้องการทำการเมืองที่ดี ไม่โกหกหลอกลวงประชาชน ทำงานเพื่อส่วนรวม รักษาคุณภาพความเป็นคน และรักษาคุณภาพนักการเมืองในด้านจริยธรรม ต้องไม่ผิดคำพูด หรือ ตระบัดสัตย์ต่อประชาชน” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าว
อ่านข่าว คนแรก! ขับพ้นพรรค “สุภาพร สลับศรี” งูเห่าไทยสร้างไทย
ไม่ใช่แค่พรรคไทยสร้างไทย ที่มี “งูเห่า” เลื้อยออกจากรัง แต่ขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ต่างกันแม้แต่น้อย กระทั่ง “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตสส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโพสต์ข้อความว่า
” การดึงหางประชาธิปัตย์ แต่ตัดหัวทิ้ง ก็เหมือนฆ่า พลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ อย่างเลือดเย็นที่สุด ทักษิณ นายแน่มาก “
ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ภายใต้การนำของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคฯ , “ชัยชนะ เดชเดโช” รองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งเข้าร่วมงานดินเนอร์ ทอล์คที่จัดโดยเครือเนชั่น เมื่อค่ำวานนี้( 22 ส.ค.) ก็ชัดเจนว่า 25 สส. 2 ขั้วของพรรคฯ แตกยับเยิน แม้จะอยู่ในบ้านเดียวกัน โดยจำนวน 21 คน จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ สรรเพชญ บุญญามณี แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ยากที่ฝ่าฝืน มติพรรค
อ่านข่าว “ทักษิณ” มั่นใจรัฐบาลแพทองธาร ไม่มีรัฐประหาร 100%
จากลีลาการตอบคำถาม ในลักษณะแบ่งรับ ไม่หักหาญ ของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อถูกถาม วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า
“…ปชป.ก็มาร่วม เห็นไหมเขามางานวันนี้ วันนี้ไทยต้องสามัคคีกันคือ เราแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรู ใครมีหน้าที่อะไร ก็ทำหน้าที่ตามนั้น มาเป็นศัตรูกันทำไม เราคนไทยด้วยกัน”
คำตอบของ “ทักษิณ” พอจะทำให้เห็นว่า อนาคตของค่ายสีฟ้าที่ นายชวน พยายามประคับประคอง จะเป็นอย่างไร
“การจะไปร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมือง ทุกคนก็อยากไปร่วม …หากอยากเป็นก็บอกตรงๆ ว่าอยากเป็นรัฐบาล อย่าไปอ้างคนอื่น เราควรพูดเรื่องจริงว่า เพราะอยากเป็น เราก็ไม่ว่าอะไร และหากมติส่วนใหญ่ให้เป็น เราก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าไปหลอกไปอ้างเหตุผลอะไรมาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็ทำให้ คนที่ติดตามเราอยู่ จะมีความรู้สึกในทางลบกับพรรคไป” นายชวนระบุ (23 ส.ค.)
เส้นทางที่เกิดขึ้นค่ายพระแม่ธรณีบียมวยผม ไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ น้ำแยกสาย กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และกลุ่มหัวหน้าพรรคฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันนี้( 23 ส.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่มีเพียง 12 คนที่เข้าร่วมจากทั้งหมด 19 คน สะท้อนให้เห็นรอยร้าวที่ยากประสาน แม้จะมีการกลับลำในภายหลัง โดยเสนอชื่อโควตา 4 รัฐมนตรี อยู่ในตำแหน่งเดิมทั้งหมดก็ตาม
แต่การหักเหลี่ยมของ ร.อ.ธรรมนัส โดยต่อสายตรงถึง”ทักษิณ” ด้วยส่งชื่อ อัครา พรหมเผ่า , อรรถกร ศิริลัทยากร,นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ทำให้เห็นแนวโน้ม ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะอยู่สู้ต่อในฐานะหัวหน้าพรรคฯ แต่ก็จะถูกโดดเดี่ยว ไม่ต่างจากคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ว่า คนร่วมพรรคจะมีความพยายามรอมชอมกันแค่ไหนก็ตาม
“ตอนเขา (พล.อ.ประวิตร) เกษียณฯ เขาอยากไปเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่ผมไม่ได้คุยกับเขาเลยนะ ผมก็บ่นอะไรวะ ทหารไปเป็นประธาน ป.ป.ช.จะรู้กฎหมายอะไรวะ ก็พูดคำนี้ แต่มีเพื่อนรุ่นเดียวกับเขา สุชน ชาลีเครือ ที่เรียนหลักสูตร วปอ. รุ่นดียวกัน ไปบอกเขา ก็เลยโกรธผม ” ทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งงานเสวนา DINNER TALK : VISSSION FOT THAILAND 2024 ( 22 ส.ค.67) ถึงข้อขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับพล.อ.ประวิตร
อย่างไรก็ตาม จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์ และ กูรู ทางการเมือง หลายคนเห็นสอดคล้องกัน ว่า สภาพการเมืองไทยในขณะนี้ เป็นเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมือง และกลุ่มทุนมากกว่าจะคิดถึงประโยชน์ส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหน
อ่านข่าว โรมตั้งคำถาม “มูลนิธิป่ารอยต่อ” บทบาท “ทักษิณ” คุมการเมือง
และ “ทักษิณ” แม้จะเป็นตัวแปรสำคัญ ในฐานะที่ไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง และการโชว์วิสัยทัศน์ในรอบ 17 ปี ครั้งนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรที่ใหม่ แม้จะมั่นใจว่า รัฐบาลแพทองธารจะไม่โดนรัฐประหาร 100 % แต่ยังมีเวลา และต้องดูกันในระยะยาวว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่า สิ่งที่ “ทักษิณ”แสดงวิสัยทัศน์ ส่วนหนึ่งจะอยู่ในเนื้อหาของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในเดือนก.ย.นี้
อ่านข่าว
