“จอดเรือให้ดูฝั่ง จะนั่งให้ให้ดูพื้น”ว่าแล้ว ในช่วงสายที่ผ่านมา (29 ส.ค.67) สถานการณ์เมืองที่ยังอึมครึม ก็ชัดแจ้งตามลำดับ เสียงคัดค้าน-เสียงสนับสนุนจาก 2 ซีกกองเชียร์ ทั้งฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ก็ดังระเบ็งเซ็งแซ่ หลังคาสีฟ้าปชป.รับเทียบเชิญ ให้เข้าร่วมรัฐบาล แลก 2 เก้าอี้ รัฐมนตรี คือ รมว.ว่าการทส.และรมช.สธ.
ไม่ใช่แค่ 4 ขุนพล คนเดิม ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และสรรเพชญ บุญญามณี ที่ยังยึดอุดมการณ์หนักแน่น ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมกับเพื่อไทย
หากยังมีอีก 2 ราย ที่ย้ำจุดยืน คือ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊ก ส่วนตัว ตั้งคำถามว่า ประชาธิปัตย์เข้าร่วมเป็นรัฐบาล “ก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือก้าวข้ามหัวประชาชน”
“…แม้ในตลอดกว่าช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาประชาธิปัตย์จะไม่ชนะการเลือกตั้ง การเมืองเผชิญความวุ่นวาย จนพรรคได้รับบทเรียนเหลือ ส.ส.จำนวน 25 คน แต่ไม่เคยสูญเสียเกียรติ …การตัดสินใจของผู้บริหารพรรคชุดนี้ไม่เพียงซ้ำเติม ทำลายวิกฤตศรัทธาของพรรคที่ชาวประชาธิปัตย์ในอดีตเพียรสร้างมาอย่างสิ้นเชิง แต่คือการทำลายวิกฤตศรัทธาของการเมือง”
ขณะที่ “ศิริโชค โสภา”อดีตสส. 4 สมัย จ.สงขลา และสมาชิกประชาธิปัตย์ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคฯ และโพสต์เฟซบุ๊ก ระบายความรู้สึก ตอนหนึ่งว่า
ผมไม่เคยคิดว่า วันนี้จะมาถึง เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี ที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ คิดเสมอว่า ที่นี่คือบ้านเดียวและบ้านหลังสุดท้ายของผม แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน มีอุดมการณ์ ที่ต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต จึงจำใจ ต้องเดินจากไป…ผมเชื่อเสมอว่า นักการเมืองต้องมีสัจจะวาจา และอุดมการณ์ที่ต้องรักษา หากปราศจากทั้งสองสิ่งนี้ ก็เป็นได้แค่นักเลือกตั้ง
ผมจำต้องยื่นหนังสือลาออกจากพรรคฯ ที่ผมรักและเทิดทูน ทั้งน้ำตา ..ก็ยังหวังว่า สักวัน พรรคประชา ธิปัตย์ จะกลับมายิ่งใหญ่ อีกครั้ง พร้อมกับอุดมการณ์ที่มั่นคง และเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชนได้
ไม่ต่างจาก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป.และอดีตสส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก ให้กำลังใจ “คนเคยรัก” ชวน หลีกภัย ที่ยืนต้านกระแสในพรรคที่ตัวเองก่อสร้างขึ้นมาตามลำพัง
ท่ามกลางความเงียบงันของอดีตหัวหน้าพรรคอีก 2 คน คือ บัญญัติ บรรทัดฐาน และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ประชาธิปัตย์ ที่นับแต่นี้จะหันหน้าไปไหน คิดเอาเองว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้ตามผู้นำพรรคยุคปัจจุบันไปอยู่ร่วมชายคากับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
“เกมนี้ ทักษิณ ชินวัตร ชนะแล้ว ผมว่าคุณทักษิณ ควรไปกราบขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ดร.วิษณุ เครืองาม ที่เป็นคนชุบชีวิต ขึ้นมา และให้หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมรัฐบาลกับลูกสาวทักษิณ “
นิพิฏฐ์ บอกว่า สิ่งที่เห็น และ เป็นไป หากประชาชนฉลาดและรู้ทันนักการเมือง คงไม่ปวดใจเท่าไหร่ เมื่อเขาบอกให้ประชาชนลืม อยู่ที่ประชาชนจะลืมได้หรือเปล่า ลืมได้ก็ไม่เป็นทุกข์ ลืมไม่ได้ก็ทุกข์ แต่อยากบอกประชาชนว่า “ให้ลืมเขาเสียด้วย” หากยังไม่ลืมเขา ก็จะเป็นทุกข์ตลอดไป
และยังตบท้ายอีกว่า คิดหรือว่า ทักษิณจะจบสวย ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ ให้เวลาทำงานไป ไว้หัวเราะทีหลังดีกว่า
ฟากอดีตคนเสื้อแดง ฟาดหนัก “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มองว่า ตั้งแต่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับมา พรรคเพื่อไทยก็คิดแต่ทำอะไรก็ได้ให้เป็นรัฐบาล
“…วิธีคิดของพรรคเพื่อไทย ใช้โมเดลพรรคไทยรักไทย ที่คิดว่ายังไงคนก็เลือกถ้าทำเศรษฐกิจได้ดี แต่ลืมว่าปัจจุบันประชาชนเปลี่ยนไปหลายตลบแล้ว…ถือเป็นบทเรียนให้ของนักต่อสู้ จะเอาตัวเองไปวางไว้กับพรรคใดหรือบุคคลใดไม่ได้”
“ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังสู้และมีความสุข หลังประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเสร็จ ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฯแถลงทันที มีข้อความหลายวรรค หลายตอน ไม่ขีดเส้นใต้ไม่ได้เลย
โดยเฉพาะการยกข้อกฎหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 362 มาทวงสัญญา ที่บัญญัติว่าบุคคลออกโฆษณาให้คำมั่น ว่าให้รางวัลแก่ผู้ ซึ่งกระทำการอันใดก็จำต้องให้รางวัลใดใดผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงไม่ใช่ว่าผู้นั้นจะกระทำการโดยเห็นแก่รางวัล
“นายกฯ ออกมายืนยันว่า พลังประชารัฐเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงถือว่าครบสมบูรณ์ตามหลักการของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ..การให้คำมั่นสัญญาครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามคำมั่น วิญญูชนโดยทั่วไปก็จะว่าได้ว่านายกรัฐมนตรี ขาดความ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่
…ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ นั้น รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่า ไม่มีทางขับออกจากพรรคแน่นอน เพราะเป็นคนในครอบครัว ใครจะขับคนในครอบครัวตัวเอง เรามีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน มีความสุขปกติเป็นหนึ่งเดียวกันหมด …หวานซะมดขยาด
ทวงสัญญาไม่ได้ หงายไพ่เสียเลย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอ ยังออกมาเปิดเผยข้อมูลเข้าเยี่ยม “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจถึง 2 ครั้ง โดยยอมรับว่า น้อยใจที่ไม่เคยได้รับความสนใจแม้แต่น้อย
“…ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่าวันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ พูดแดกดันว่า พรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง แต่ที่มีปัญหา เช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกฯ บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่เคยเป็น ผบ.ตร.มาก่อน”
แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ เนื่องจาก ได้รับแจ้งมาว่า V1 คือ “ทักษิณ” จะเป็นผู้กำกับดูแลตร.เอง
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
เปิดใจ “เสรีพิสุทธิ์” หันหลังให้ “ทักษิณ”