วันนี้ (13 ก.ย.2567) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงภาพรวมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการจัดการเวลาในวันแรกก็ยังอยู่ในกรอบ ซึ่งวันนี้อาจจะเลิกดึกกว่าที่วางแผนไว้ ดูแล้วน่าจะจบประมาณ 23.00 น. ที่ผ่านมาก็ราบรื่นดี
ส่วนเนื้อหาก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะทุกคนทำได้ดี แต่เป็นห่วงเรื่องของบรรยากาศภายในสภาเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) มีการประท้วงหลายรอบ ที่ไม่ให้พูดเรื่องอดีต ทั้ง ๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาลก็พูดมาตลอดว่า รัฐบาลนี้สืบทอดเจตนารมณ์และนโยบายของรัฐบาลเดิม แต่พอพูดถึงรัฐบาลเดิมก็มาประท้วง ทั้งที่รัฐมนตรีก็พูดว่าจะสานต่องานรัฐบาลเดิมบ่อยครั้ง แต่พอฝ่ายค้านพูดถึง กลับไม่ให้พูด
อีกเรื่องก็คือ การนำเสนอสไลด์ ที่เวลาขึ้นจอ มีการเบลอหน้าบุคคลภายนอก ซึ่งจริง ๆ ก็คืออดีตรัฐมนตรี และมองว่าไม่ให้เกียรติบุคคลในภาพด้วยซ้ำ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ และเรื่องที่ สส.พูด ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยังสะสางไม่เสร็จ อีกทั้งการทำหน้าที่ของ สส. ก็คือการพูดเรื่องข้างนอก ที่กระทบต่อชีวิตประชาชน ดังนั้นการเคร่งครัดไม่ให้พูดถึงบุคคลภายนอกเลย จะทำให้สภาไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลหรือนายกฯ ขอโอกาสในการทำงานร่วมกัน นายปกรณ์วุฒิ ย้ำว่ายืนยันมาตลอดอะไรที่เห็นร่วมกันก็ทำงานร่วมกันได้ กฎหมายใดที่รัฐบาลส่งมาแล้วเราเห็นว่าเป็นประโยชน์ เราก็สนับสนุน ไม่ได้ขัดแย้ง เพื่อให้ทำงานตลอดรอดฝั่ง ไม่ได้เป็นฝ่ายแค้น ซึ่งถ้าได้ติดตามการทำงานในสภามา หลายครั้งมากที่ฝ่ายค้านก็เห็นตรงกัน
เมื่อถามว่า แบบนี้พรรคประชาชนจะไม่กล้าค้านรัฐบาลหรือไม่ อย่างเช่นการไม่พูดถึงประเด็นชั้น 14 นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้าได้ติดตามการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 จะเห็นว่า นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็อภิปรายเรื่องนี้อย่างเข้มข้น จนถูกประท้วงหนัก ถูกข่มขู่ถึงขั้นจะร้องมาตรฐานวิชาชีพแพทย์ ถ้าติดตามดี ๆ เราพูดและตรวจสอบทุกเรื่อง โดยอยู่บนบนหลักการยึดสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
ส่วนประเด็นการครอบงำรัฐบาลนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีหลายคนพูดถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถึงเรื่องนี้ แต่มันก็ย้อนกลับไปในประเด็นที่ไม่ให้พูดถึงบุคคลภายนอก ซึ่งก็เป็นปัญหา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า สิ่งที่รัฐมนตรีหลายคนพูดก็ถูกต้อง คือ ไม่ว่าคำแนะนำของใครถ้าเป็นประโยชน์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนหรือ สส. ก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสัยสัยได้
“ถ้าท่านนายกฯ ได้ติดตามการทำงานในสภาของพวกเรา 1 ปี นายกฯ ก็จะรู้ว่าเราไม่ได้ทำตัวเป็นฝ่ายแค้น ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อวานนี้นายกฯ ได้ติดตามการอภิปรายของพรรคประชาชน หรือพรรคฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ ว่ามีลักษณะทำเหมือนฝ่ายแค้นตอนไหน ก็ไม่แน่ใจว่าใครไปบอกให้นายกฯ พูดแบบนี้ แต่อยากขอให้เปิดใจให้กว้าง ถ้านายกฯ ได้ฟังจริง ๆ คงรู้ว่าทางเรามีคำแนะนำ มีข้อติติงหลายอย่าง ที่นายกฯ อาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเห็นด้วยแล้วนำไปใช้ ก็จะเกิดประโยชน์” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชังในการอภิปราย และยังอยากร่วมทำงานการเมืองด้วยกัน รวมถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ไม่อยากให้มีการใช้วาทกรรมด้อยค่า นายปกรณ์วุฒิ ย้อนกลับว่า 1 ปีในสภาที่ผ่านมา คนที่พูดบ่อยสุดคือนายภูมิธรรม ฝ่ายค้านแทบจะไม่ได้พูดคำว่าวาทกรรมเลย
ลองสังเกตดู ทันทีที่เปิดไมค์ทุกครั้ง จะต้องมีคำว่าวาทกรรมทุกครั้ง ก็ไม่แน่ใจว่าท่านติดใจกับคำนี้มากหรือเปล่า หรือมีปมอะไรหรือไม่ ถ้าตั้งใจฟังและไม่มีอคติ ก็จะเห็นว่าข้อเสนอทุกอย่างกล่าวด้วยความหวังดี และสามารถทำงานร่วมกันได้ในเรื่องที่เห็นตรงกัน
ส่วนการประเมินการทำงานของรัฐบาลหลังจากแถลงนโยบายแล้วนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะมีการพูดคุยอีกครั้ง เพราะแผนเดิมเราจะเปิดอภิปรายตาม ม.152 ในสมัยประชุมนี้ แต่ตอนนี้ยังมีการพูดคุยอยู่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน แต่ก็ยืนยันว่าถ้ามีเนื้อหาสาระพอ ก็พร้อมที่จะเปิดอภิปรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถประเมินผลคะแนนให้นายกฯ ในการแถลงนโยบายได้ เพราะกฎหมายข้อบังคับเป็นการอ่าน ก็ไม่สามารถโทษท่านได้ ไม่มีอะไรที่ต้องมีวิจารณ์กัน
ส่วนการชี้แจงตอบข้อซักถามฝ่ายค้าน มองอย่างไรนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้ามองภาพรวมกว้าง ๆ ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องวิธีการพูด และบางเรื่องนายกฯ ไม่จำเป็นต้องตอบเอง อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบคำถามให้ชัดเจนแทน แต่ตนอยากเห็นภาพรวมของ ครม.ทั้งชุด ตอบคำถามที่ชัดเจนมากกว่าที่จะลุกขึ้นมาพูดหลักการกว้างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่เตรียมมาให้ ซึ่งตอนที่ฝ่ายค้านซักซ้อมกัน ก็ๆได้ย้ำสมาชิกเรื่องการตั้งคำถามให้ตรงประเด็น เพื่อคาดหวังคำตอบที่ชัดเจน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไร เพราะรัฐมนตรียังใช้เวลาไม่มาก แต่วันนี้รัฐมนตรีหลายคนก็บอกว่าจะชี้แจง
ยังไม่ได้ฟังคลิปลุงบ้านป่า รอ พปชร.ตัดสินใจเลือกฝั่ง
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนและประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงคลิปเสียงลุงบ้านป่า ฝ่ายค้านจะมีการตรวจสอบหรือไม่ ว่า พูดตรง ๆ ตอนนี้มุ่งที่การอภิปรายซักถามรัฐบาล จึงยังไม่ได้ดูคลิปที่เป็นประเด็น
ส่วนที่มีคนโยงไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีเรื่องของเงินทอง และมีคนร้องเรียนแล้ว นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในประเด็นจริยธรรม เรายืนยันตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้หลักการที่เป็นนามธรรมแบบนี้ แล้วมอบอำนาจให้คนไม่กี่คนมาตัดสินว่าถูกหรือผิด
เพราะจริยธรรมเป็นเรื่องของแต่ละองค์กรที่จะกำหนดโทษ และโทษก็ต้องได้สัดส่วน ยิ่งเป็นเรื่องนามธรรมที่อาจจะเห็นต่างกัน การมีโทษหนักในเรื่องที่ทำแบบนี้ เราไม่เห็นด้วยแต่ต้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ฟังคลิป แต่ยินดีที่จะตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนการพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐเรื่องการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มอบโควตาเวลาให้ไปเล็กน้อยในการอภิปราย เพราะถือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกัน แต่หลังจากนี้จะพูดคุยอีกครั้ง กับวิปรัฐบาล เพราะวิปทั้ง 2 ฝั่ง ก็ต้องรอความชัดเจนจากพรรคพลังประชารัฐ และตนต้องดูตัวเลขที่ชัดเจนก่อน
อ่านข่าวอื่น :