ก.เกษตรฯ ยกทัพ 3 รัฐมนตรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย พร้อมสนันสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ – เครื่องจักรเครื่องมือเข้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย
วันนี้ (21 ก.ย.2567) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ บ้านหัวฝาย บ้านถ้ำผาจม ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย สำหรับแนวทางการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยอุทกภัยในเบื้องต้น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนกำลังพลและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือกำจัดดินโคลน รวมถึงล้างทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการเปิดเส้นถนนเพื่อให้สะดวกต่อการเข้าช่วยเหลือบ้านเรือนในชุมชนได้บางส่วนแล้ว อีกทั้งสนับสนุนสิ่งของช่วยเหลือ ประกอบด้วย ถุงยังชีพจำนวน 350 ชุด น้ำดื่ม เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์ทำความสะอาด เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอีกด้วย
จากสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยชลประทาน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการนำกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักร-เครื่องมือเข้ามาช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนของประชาชน อีกทั้งเร่งทำแนวคันดินกั้นน้ำโดยเสริมความแข็งแรงด้วยถุงบิ๊กแบค เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำสายไม่ให้ล้นทะลักเข้าพื้นที่ชุมชนในอนาคต
ทั้งนี้ขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังจะคงตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ในการฟื้นฟูบ้านเรือนพี่น้องประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และจะดำเนินการเร่งสำรวจความเสียหายทางการเกษตรและเยียวยาพี่น้องเกษตรกรโดยเร็วที่สุด” รมว.นฤมล กล่าว จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางไปที่ บ้านป่าซางงาม ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบสถานการณ์คันดินกั้นน้ำในพื้นที่โดนน้ำกัดเซาะได้รับความเสียหาย ซึ่งน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ปัจจุบันน้ำได้ลดลงสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหาย เพื่อเยียวยาเกษตรกรให้สามารถกลับมาทำการเกษตรได้ตามปกติต่อไป