เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2567 เพจ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า “นำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน” ในนโยบายเร่งด่วน นโยบายที่ 4 โดยระบุว่า รัฐบาลจะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนําเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50 ของ GDP
ซึ่งรายได้ส่วนนี้ รัฐบาลจะนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค รวมทั้งอุดหนุนค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานของประชาชน ขณะเดียวกัน จะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามการอ้างอิงของพรรคเพื่อไทย เศรษฐกิจใต้ดิน คือ การสร้างรายได้ในรูปแบบที่ผิดกฎหมาย หรือกฎหมายไม่รองรับ เข้าสู่ระบบ ซึ่งอาจหมายความรวมถึง เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment complex), เซ็กซ์ เวิร์กเกอร์ (Sex worker) รวมถึงการขยายเวลาสถานบันเทิง ขายสุรา หรือทบทวนการโซนนิงสถานบันเทิง
ก่อนจะอ้างถึงผลการศึกษาของกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ที่ชี้ว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ อุตสาหกรรมในกลุ่ม Fun Economy ซึ่งรวมตั้งแต่การท่องเที่ยว กีฬา สถานบันเทิง ธุรกิจการ จัดประชุมและจัดนิทรรศการ
ซึ่งอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ ทั่วโลก มีขนาดมูลค่าการตลาดที่สูงถึง 13.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่สามารถต่อยอดอุตสาหกรรมได้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ และเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ หนึ่งในนั้น คือการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย และมีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง
ส่วนธุรกิจ “Sex worker” ก็มีการศึกษาโดยกรรมาธิการฯ ซึ่งได้ทำการศึกษาและลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกฝ่าย เพื่อศึกษา รวบรวมข้อมูลและเพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ และได้ข้อสรุปที่จะต้องหาจุดร่วมระหว่างผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงต้องปิดช่องการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์
พิจารณาประเด็นเวลาเปิด-ปิดของสถานบันเทิง เพื่อศึกษาให้เปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ในจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล และพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
อ่านข่าวอื่น :