ถั่งโถม โหมแรงน้ำ แนวรบแม่สาย ยังไม่สิ้นสุด เจอพายุฝนหลายระลอก ลำปาง ก็อ่วมหนัก กว่าทุกครอบครัวที่เสียหายจะฟื้นตัว กลับมาเป็นดังเดิม อาจต้องใช้เวลานานนับปี แม้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะระบุว่า รัฐบาลขอโฟกัสแก้ไขปัญหาอุทกภัยก่อนก็จริง แต่ไม่ได้ยอมถอยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกอย่างน้อย 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กับ พ.ร.ป.ป.ป.ช. หมวดจริยธรรม แม้พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่จะเห็นด้วย แต่ต่างฝ่ายยังสงวนท่าที
ยกเว้น “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เจ้ากระทรวงคลองหลอด หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตีเนียนหลังส่ง “ภราดร ปริศนานันทกุล” รองสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ออกมาแถลงไม่เห็นด้วย โดย รมว.มหาดไทย อ้างว่า คนการเมืองเป็นคนสาธารณะ ถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็เล่นการเมืองไม่ได้ การเข้ามาการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี แค่เป็นที่ปรึกษาเป็นเลขานุการ หรือรับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมือง กรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องแจ้งทรัพย์สินแล้ว นั่นคือ บทแรกของการตรวจสอบ
“คนที่มาทำงานสาธารณะรับใช้บ้านเมือง ใช้อำนาจรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ต้องรับการตรวจสอบ เป็นการ check and balance ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ นักร้องมีอยู่ทั่วไป เขาก็ร้องได้ ในสิ่งที่เราทำผิดถ้าเราไม่ได้ทำผิด พิสูจน์อย่างไรก็ไม่ผิด เขาก็มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี หรือถูกฟ้องร้อง ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า”
มันไม่ใช่จุดยืน แต่มันเป็นวิถีชีวิต (Day of Life) ถ้าไม่อยากตรวจสอบก็ให้ทำธุรกิจอยู่ที่บ้าน เสียภาษีตามที่จะต้องเสีย ก็ไม่มีใครสามารถมาบอกให้แสดงทรัพย์สินบริษัทได้ยกเว้นทำผิด คำกล่าวของ รมว.กระทรวงตราสิงห์
ไม่มีมวยล้ม “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ แจ้งความคืบหน้า การให้ข้อมูลของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หลังออกมาเปิดเผยว่าเคยเข้าพบ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้ง ขณะนอนพักรักษาตัว เมื่อครั้งถูกจำคุก อยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ให้ถ้อยคำพร้อมนำเอกสารทุกอย่างให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ครบถ้วนแล้ว จึงเป็นสิ่งยืนยันถึงการเดินหน้าเปิดเผยความจริง โดยไม่กลับหลังหัน
“คาดว่า เรื่องชั้น 14 ภายในเดือน ต.ค.นี้ คงนำสู่การฟ้องศาลได้ถัดไป ภายในเดือน พ.ย.คงได้เห็นหน้าเห็นหลังว่า ผลลัพธ์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพราะความจริงแล้ว ถ้าดูรายงานฉบับเต็ม 2 ฉบับของ กสม.เห็นได้ชัดเจนว่า ไม่เชื่อมีอาการป่วยจนจำเป็นต้องรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ถึง 181 วัน ดังนั้นหากทักษิณไม่รอด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็ย่อมรอดยาก” นายจตุพร กล่าว
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้จะเป็นฝ่ายค้านแค่ครึ่งเดียว แต่ “ชาญกฤช เดชวิทักษ์” กรรมการบริหาร พปชร. ก็จัดหนัก โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังจากติดตามพบว่ารัฐบาลยังไม่ตกผลึก มองไม่ครบ 360 องศา มีการปรับเปลี่ยนและปรับเลื่อนมาตลอด เช่นเดียวกับแหล่งที่มาของเงิน เดิมบอกไม่กู้ สุดท้ายจบลงใช้งบประมาณแผ่นดินปี 67 จึงต้องเร่งจ่ายภายในเดือน ก.ย. ให้กลุ่มผู้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน เพราะห้ามใช้ข้ามปี
“ยังมีอีก 2,000,000 คนที่ยังยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC ไม่สำเร็จ และมีคำถามว่า อนาคตจะมีเฟส 2 อีก 22 ล้านคน จะได้หรือไม่ ก็ยังไม่ชัด รัฐบาลต้องมี 220,000 ล้าน แต่ยังขาดเงินอยู่ 40,000 ล้านบาท จึงจะพอแจก หรือจะแบ่งจ่ายงวดละ 5,000 บาท 2 งวด เพราะมีเงินสำรองไว้อยู่แล้ว ส่วนงวด 2 ไปพิจารณางบประมาณปี 69 หากยังไม่พอ ก็ตั้งงบประมาณเพิ่มเติมเข้าไปอีก ดังนั้นในตุลาคมปี 68 ก็ถือว่าจ่ายครบหมดแล้ว ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งประสานความกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการขออนุญาตเงินดิจิทัล ให้เป็นไปตามกฎหมายเงินตราของประเทศ และสร้างความปลอดภัยทางเทคนิค เมื่อใช้แอปฯ เชื่อมกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหล”
ลงล็อกสภาสูง แม้จะมีกรรมาธิการ 21 คณะ แต่ สว.สายสีน้ำเงิน กินรวบไป 20 คณะ ส่วน “อังคณา นีละไพจิตร” ดวงดีจับสลาก ฝ่าด่านเข้าไปนั่งประธาน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ขณะที่คนดังรายอื่นเช่น “ธวัช สุระบาล” ประธาน กรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์, พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ
พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ประธานกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน นายพรเพิ่ม ทองศรี ประธานกรรมาธิการพลังงาน, กัมพล สุภาแพ่ง ประธานกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง และชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ส่วนอีกคนที่ไม่พลาด หมอเกศ “พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย” ที่ได้นั่งร่วมทำงานกับกรรมาธิการ 2 คณะ คือ คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน และกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง
ขอให้โชคดี “ไชยชนก ชิดชอบ” ส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย บอกหลังจาก “วัฒนา ช่างเหลา” ย้ายเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยเพื่อลงสมัคร นายก อบจ.ขอนแก่น ว่า ภายในพรรคได้มีการหารือถึง เรื่องดังกล่าวแล้ว โดยผู้ใหญ่ในพรรคเห็นว่า เป็นการตัดสินใจของครอบครัวช่างเหลา และทางพรรคก็ไม่มีนโยบายสนับสนุนผู้สมัครลงการเมืองท้องถิ่นอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงขอให้นายเอกราช ช่างเหลา และนายวัฒนา โชคดี แต่นายเอกราชก็ยังอยู่กับพรรคภูมิใจไทยอยู่ และพรรคฯ ก็ไม่ได้มีมติขับออกแต่อย่างใด
อ่านข่าว
ตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง สพม.สระแก้ว ปมพลาดบรรจุ “ครูเบญ”