ในที่สุด “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “ลูกหม้อ” ตัวจริงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็สามารถเข้ามาเป็นเลขาสภาความมั่นแห่งชาติ คนที่ 25 ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย ที่มี “แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี
หลังมองย้อนกลับไป หลังจาก “ถวิล เปลี่ยนสี” อดีตเลขาฯ สมช.คนที่ 15 ถูกมรสุมการเมืองรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พัดพาเข้ากรุไปนั่งในตำ แหน่งที่ปรึกษานายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการโยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ข้ามห้วยมาเป็น เลขาฯ สมช.คนที่ 16 ตามมาด้วย “เสธแมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. คนที่ 17 ก่อนที่ “ถวิล” จะกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาฯ สมช. เป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี 2557 ต่อมาให้ยกเลิกประกาศย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฯ และกลับดำรงตำแหน่งเดิมจนเกษียณอายุราชการ
ถัดจากนั้นตำแหน่งเลขาฯ สมช.คนที่ 18 ในปี 2558 ยังเป็นของ “อนุสิษฐ คุณากร” ลูกหม้อตึกแดง แต่หลังจาก คสช.ปฎิวัติ ตั้งแต่ปี 2558-2566 กระทั่งเข้าสู่ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี
ผู้เข้ามารับตำแหน่งเลขาฯ สมช. เป็นนายทหารที่โยกข้ามมาเป็นพลเรือน ถึง 5 นาย และอยู่ยาวถึง 9 ปี ประกอบด้วย พล.อ.ทวีป เนตรนิยม, พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ, พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ และ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม
เมื่อได้รัฐบาลใหม่ ปี 2566 รัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกคนที่ 30 ในฐานะประธานบอร์ดสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะนั้น ขอโอนรับ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.มานั่งตำแหน่งเลขาฯ สมช.คนที่ 14 ทำให้ “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาฯ สมช.ที่มีอาวุโสลำดับ 1 ของ สมช. ยังไม่ได้ขยับ แต่ยังคงปฎิบัติหน้าที่ ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (The Peace DialoguePanel) มาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ “พล.ต.อ.รอย” แม้จะอยู่ในตำแหน่งเลขาฯ สมช. แต่ไม่ได้คลุกคลีข้อมูลวงใน ภารกิจหลักในการเจรจาและพูดคุยในวง จึงเป็นหน้าที่ของ “ลูกหม้อ” และข้าราชการใน สมช. มากกว่า
ท่ามกลางภาวะวิกฤตงานด้านความมั่นคงรอบชายแดนไทย สงครามการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ และภัยคุกคามอื่น ๆ ทั้งนอกและในประเทศ
แม้ก่อนหน้านี้จะมีข้อมูลระบุว่า ตำแหน่งเลขาฯ สมช.คนใหม่ อาจถูกโยกย้ายข้ามห้วยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คือ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่หากเป็นเช่นนั้น การทำงานด้านความมั่นคงอาจสะดุด เพราะต้องรออีก 2 เดือน ให้ พล.ต.อ.ประจวบ ขี้นเป็น รอง ผบ.ตร.ก่อน
หากมีกระแสข่าวระบุว่า พล.ต.อ.ประจวบ ไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากไม่มีความถนัด อีกทั้ง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มองว่า ยามที่รัฐบาลต้องเผชิญกับปัญหาความมั่นคง ทั้งในและนอกประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหามืออาชีพที่ครบเครื่องและ สมช.ก็เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ
และการคืนตำแหน่ง เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ สมช. เสมือนเป็น การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนทำงาน อีกทั้งไม่ทำเกิดความระส่ำระสายในการทำงาน หลังจากคนใน สมช.ต้องแบกรับภารกิจหนักมาโดยตลอด
ฉัตรชัย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต (เศรษฐศาสตร์เกษตร) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาการเศรษฐกิจ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) การศึกษา 2532 ผ่านหลักสูตรที่สำคัญ ๆ เช่น การปฏิบัติจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการ รุ่นที่ 91 สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ, หลักสูตรการบริหารจัดการความมั่นคงแห่งชาติ รุ่นที่ 2 สถาบันข่าวกรอง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และหลักสูตรนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 83 พ.ศ.2559 สำนักงาน ก.พ.
นอกจากนี้ หากพลิกประวัติการทำงานของ “ฉัตรชัย” ถือว่า ไม่ธรรมดา มีประ สบการณ์ทำงานอย่างโชกโชน เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความมั่นคงภายในประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และขยับมาตามลำดับ เป็น ผอ.สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม,
จัดทำนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติ ปี 2558-2564 มีส่วนรวมในการกำหนดนโยบายการบริหารและการพัฒนากำหนดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560-2562 เป็นประธานคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเพื่อติดตามการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศ (IGOs) จังหวัดชายแดนภาคใต้, หัวหน้าสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สล.คพส.) และอื่น ๆ อีกมากมาย
นับจากนี้ต้องจับตาดูฝีมือการทำงานของ “ฉัตรชัย” ลูกหม้อตึกแดง ขนานแท้ว่า จะแบกรับภารกิจหนักที่รออยู่ข้างหน้าอีกหลายเรื่อง ไปได้หรือไม่
อ่านข่าว : มรดกการเมือง “ชินวัตร” ตลอด 23 ปี การเมืองไทย
ครม.ไฟเขียวโยกย้าย 25 ขรก.ระดับสูง มท. “ไชยวัฒน์” คุมกรมการปกครอง
แค่ย้ายบ้าน หรือ อวสานสแกมเมอร์ จับตาคำสั่งธุรกิจผิดกฎหมายพ้นเมียวดี