วันนี้ (10 ต.ค.2567) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านพร้อมด้วย สส.พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวถึงคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ว่า ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รับเลือก ให้มีตัวแทนสิทธิมนุษยชนแห่ง หรือ UNHCR สหประชาชาติ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศว่าเราให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือคดีตากใบที่เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจในช่วงตุลาคมที่ผ่านมา
จากการประชุมในคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและอัยการ มาให้ความเห็น ติดตามตัวจำเลยมาดำเนินคดีให้ทัน ก่อนหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งพบว่า จำเลยที่มีส่วนสำคัญ 2 คน ได้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ คือ จำเลยที่ 1 ที่หลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษ และจำเลยที่ 8 ที่หลบหนี ไปที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกหน่วยงานได้ชี้แจงในกรรมาธิการว่า ได้ดำเนินการเต็มที่ที่สุดแล้ว ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน ด้านตำรวจก็ได้บอกว่า ได้ออกหมายแดงอินเตอร์โพลแล้ว
นายณัฐพงษ์ ยังแนะนำช่องทางการส่งตัวจำเลยกลับประเทศไทย ว่า ยังมีช่องทางในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ประเทศไทยไม่ได้มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศญี่ปุ่น แต่เราสามารถที่จะใช้ช่องทางทางการทูต รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีต่อนายกรัฐมนตรี ในการเจรจาขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทยได้ แน่นอนว่าอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน
ส่วนอีกช่องทางหนึ่ง ที่สามารถดำเนินการได้และมีประสิทธิภาพมากกว่า นั่นคือการขอเนรเทศ ส่งตัวในฐานะบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ของประเทศปลายทาง ให้ส่งตัวกลับประเทศไทยในฐานะที่เป็นจำเลยผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
“จึงอยากส่งข้อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้ใช้เวทีที่กำลังเจรจาอยู่ขณะนี้คืออาเซียน +3 ได้หารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการขอเจรจาดำเนินการทั้ง 3 ช่องทางอย่างเต็มที่ที่สุด โดยเฉพาะการขอเนรเทศบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยก่อนคดีจะหมดอายุความ” นายณัฐพงษ์กล่าว
ยังระบุต่อว่านอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่าในฐานะ ที่เป็นว่าที่ประธานอาเซียนครั้งต่อไปมีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีครั้งนี้ ส่งเสริมสันติภาพในชายแดนใต้ โดยติดตามทั้งในเรื่องผู้ต้องหาและ จำเลยให้มาดำเนินคดี พร้อมกับกระบวนการอื่น ๆ ที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ด้วย
15 วันที่เหลือ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ วันนี้เราต้องการเพียงแค่เจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศ ถ้าเราไม่สามารถใช้เวทีทางการทูต ในการเจรจาให้ประเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียน +3 ในขณะนี้ ช่วยกันส่งตัวจำเลยมาดำเนินการในประเทศไทย จนคิดว่าบาดแผลที่ลึกที่สุดของประชาชนในคดีตากใบ ก็จะไม่ได้รับการเยียวยา และกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ ก็จะไม่มีความคืบหน้า
ส่วนถ้าไม่มีความคืบหน้าไปจนถึงวันที่ 25 ต.ค.นี้ จะเกิดการลุกฮือของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องทำให้เต็มที่ก่อนภายใน 15 วันที่เหลือ ซึ่งรัฐบาลมีช่องทางในการดำเนินการที่สามารถทำได้ทันตอนนี้สิ่งที่จะเยียวยาบาดแผลประชาชนได้คือนายกรัฐมนตรีที่ไปประชุมอาเซียน +3 อยู่
เชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเป็นคดีที่เวทีโลกให้ความสำคัญ และให้ความสนใจ และไม่อยากคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอส่งคำแนะนำไปยังรัฐบาลให้ทำเต็มที่ที่สุดก่อน
ทั้งนี้ นอกจากกลไกทางการทูตยังมีกลไกอื่นที่สามารถติดตามได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า จากการพูดคุยกับหน่วยงาน โดยเฉพาะในกรรมาธิการทุกหน่วยงานแจ้งว่า ถ้าดูจากระบบกระบวนการปัจจุบัน ถ้าไม่มีการเจรจาทางการทูตเลย มีความเป็นไปได้สูงว่า จะไม่ทันตอนนี้เหลือช่องทางสุดท้ายแล้วในฐานะที่ประเทศไทย มีตัวแทนในสหประชาชาติ ก็หวังว่านายกรัฐมนตรีจะเร่งรัด เจรจาให้เกิดการดำเนินการโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะหลบหนีจนถึงวันที่ 25 ต.ค. ที่เป็นวันหมดอายุความของคดี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า จำเลยทั้งสองคนอยู่ต่างประเทศแล้ว ถ้าไม่ใช้อำนาจทางอธิปไตยของประเทศปลายทาง ทั้งอังกฤษหรือญี่ปุ่น คิดว่าอย่างไรก็ตามก็ไม่น่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ทัน ตอนนี้ทางเดียวคือการเจรจาทางการทูต ใช้อำนาจฝ่ายบริหารประเทศปลายทางส่งตัวจำเลยกลับมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า คนที่สังคมสนใจคือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ถือเป็นปัดความรับผิดชอบหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ คดีตากใบที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เคยเกิดขึ้นในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และเกี่ยวพันกับรัฐบาลในปัจจุบัน
จึงคิดว่า รัฐบาลควรแสดงสปิริตและให้ความสำคัญ ถึงการคุ้มครองหลักสิทธิมนุษยชนตอนนี้มีเวทีในการเจรจาทางการทูต ที่นายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้และพร้อมที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับคนไทย
อ่านข่าว : เปิดธุรกิจ “แบรนด์อาหารเสริมดัง” หลัง ตร.เตรียมเข้าตรวจสอบ
“แซม” ยืนยันไม่ได้เป็น “กรรมการ” ขายอาหารเสริม พร้อมให้ข้อมูลตำรวจ