วันนี้ (11 ต.ค.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ว่าสิ่งที่นายธีรยุทธ ยื่นคิดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถตอบได้ทุกประเด็นไม่มีปัญหา เมื่อถามว่ามั่นใจจะไม่มีปัญหาเหมือนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ และมั่นใจว่าไม่มีปัญหา เพราะคนละกรณีกัน
ทั้งนี้ 6 ประเด็นที่นายธีรยุทธยื่น นักกฎหมายและนักวิชาการ มองว่า เนื้อหาที่ยื่นเหมือนกับที่เคยยื่นพรรคก้าวไกลนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ตนได้อ่านคร่าวๆ แล้ว และคิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก และพรรคเพื่อไทยจะไม่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ต่างคดีนี้
ส่วนมองว่าเรื่องนี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องที่ยื่นเป็นเรื่องเก่า และพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง โดยคาดหวังว่า เมื่อเปิดออกมาแล้วคนจะตกใจ แต่ทุกคนคงทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเก่าและการที่บอกว่านายทักษิณ จะเข้ามาก้าวก่าย ความจริงนายทักษิณ ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย บางเรื่องก็เกิดมาเป็นสิบปีแล้วยังหยิบขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กังวล
สำหรับกระแสข่าวรัฐบาลไทยเตรียมฟื้นการเจรจา MOU 2544 เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกูด นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพิจารณา พร้อมกับมองว่า บริบทในอดีตกับปัจจุบันต่างกันเยอะ และความเห็นส่วนตัวของตนเห็น ซึ่งในอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2545 มีเรื่องการขุดเจาะแก๊สต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันสูง และหากมีการเจรจาและแบ่งผลประโยชน์สองฝ่ายทั้งกัมพูชาและไทย ก็จะทำให้ต้นทุนพลังงานถูกลง
นายสุริยะ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าเรื่องดังกล่าวจะจุดชนวนการชุมนุมใช่หรือไม่ พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีการออกมาชี้แจง เพราะที่พูดมาก็ไม่มีประเด็น และคงจะมีไม่มีการแก้ต่างหลายข้อ รวมถึงรัฐบาลจะไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่าไม่มีปัญหา
“สมคิด” ยันเพื่อไทย-วิปรัฐบาล ไม่สะดุด
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึง คำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ว่าหากเปรียบเพลงลูกทุ่งเหมือนกับร้อยเนื้อทำนองเดียวกันออกชะชะช่า ไม่ว่าใครร้อง ก็จะเริ่มต้นด้วยมาตรา 49 เรื่องสิทธิเสรีภาพ สุดท้ายจบว่าเมื่อร้องอัยการครบ 15 วัน มีสิทธิร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนศาลจะรับหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีคณะทำงานตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งข่าวที่ออกไปจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ดูเหมือนเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย แต่พอข่าวออกมาดูปกติไม่มีอะไร อย่างที่บอกการเมืองจะเล่นเอามันหรือสะใจก็ได้ และพรรคเพื่อไทยก็ทำเป็นแต่เราไม่ทำ เพราะถือว่ามีหน้าที่มาทำงานให้ประชาชน และคำร้องลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้การทำงานของพรรคเพื่อไทยสะดุด และจากที่คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่มีปัญหา
นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนว่ามีการเมืองอยู่เบื่องหลัง และคนที่ร้องเป็นใคร อยู่กับใครมา ก็อยู่กับพระพุทธเจ้ากันมาทั้งนั้น
ส่วนจะเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้นหรือไม่ นายสมคิด มองว่า ยากอยู่แล้วเป็นปกติ ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะทุกพรรคยังช่วยกันทำงานดีอยู่ ตนอยู่วิปรัฐบาลก็กลมเกลียวกัน มีอะไรก็พูดคุยกันได้ตามปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ส่งสัญญาน
นอกจากนี้ นายสมคิด ยืนยันว่าไม่ได้ทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่สะดุด ส่วนในวิปรัฐบาลก็นัดกันปกติซึ่งในเช้าวันอังคารหน้าก็จะนัดคุยกันอีกครั้ง ก็จะมีการคุยเรื่องนี้ด้วย ทุกอย่างไปด้วยกันไม่มีปัญหา เรื่องร้องก็ร้องไป จะพิจารณาอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ
“ชูศักดิ์” โต้เพื่อไทยล้มล้างการปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นการยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฏ เป็นการร้องขอเพื่อให้เลิกกระทำ หากดูจากคำร้อง 6 ข้อที่ร้องมา ตนมองว่าไกลกว่าเหตุ ที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งมีสองคำซ้อนกันอยู่ คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และบวกด้วยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก พร้อมกับมองว่ามันเป็นคนละเรื่องคนละเรื่องคนละราวกัน
นายชูศักดิ์ ยกตัวอย่างว่า อย่างการที่นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ กลับเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซึ่งเป็นการบรรยายเกินไป พร้อมกับย้ำว่าเรื่องของสถาบัน ทั้งนายทักษิณพรรคเพื่อไทย เราคิดว่าเรายืนแน่นมาตลอด โดยเฉพาะนายทักษิณ ที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็ได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่าหากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะนี่ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด และเมื่อถึงรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่แล้ว ก็มีความชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 จึงชัดเจนว่าเรายึดมั่นอยู่ในจุดใด และพรรคเพื่อไทย ไม่มีเรื่องจะไปเซาะกร่อนบอลทำลาย ระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันนายชูศักดิ์ ยังระบุถึงคำร้องที่มีการเขียนว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนจึงอยากจะตั้งคำถามว่าในการร่วมมือกันในการทำกฎหมายผิดอะไร อย่างการแก้จริยธรรมให้มีความชัดเจนขึ้นไม่ใช่การยกเลิก แต่เป็นการตีความให้ความชัดเจนขึ้น และเป็นผลดีกับประชาธิปไตย และเห็นว่าเป็นการเอื้อให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ตรงไหน
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวว่า โดยรวมพรรคเพื่อไทยไม่วิตกกังวลอะไรเพราะยึดมั่นมาแบบนี้ตลอด ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
อ่านข่าว :
“วิษณุ” ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังย้าย “ทักษิณ” ไป รพ.ตำรวจ
“ธีรยุทธ” จ่อยื่นศาล รธน.สั่ง “ทักษิณ-พท.” เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง
ผู้นำฝ่ายค้านจี้นายกฯ เจรจาญี่ปุ่น ส่ง “ผู้ต้องหาตากใบ” กลับไทย