หน้าแรก Voice TV นายกฯแพทองธาร ประชุมสภานโยบายฯ เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย เคาะแนวทางนำ อว.หนุนอุตสาหกรรมขั้นสูง

นายกฯแพทองธาร ประชุมสภานโยบายฯ เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย เคาะแนวทางนำ อว.หนุนอุตสาหกรรมขั้นสูง

26
0
นายกฯแพทองธาร-ประชุมสภานโยบายฯ-เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย-เคาะแนวทางนำ-อว.หนุนอุตสาหกรรมขั้นสูง
นายกฯแพทองธาร ประชุมสภานโยบายฯ เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย เคาะแนวทางนำ อว.หนุนอุตสาหกรรมขั้นสูง

นายกฯแพทองธาร ประชุมสภานโยบายฯ เร่งแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย เคาะแนวทางนำอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมหนุนอุตสาหกรรมขั้นสูงตามความต้องการของประเทศ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ผลิตคนรองรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กว่า 80,000 คน พร้อมเห็นชอบกรอบงบ อววน. ประจำปี 69

วันนี้ (18 ตุลาคม 2567) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมการประชุม

IMG_20241018103338000000.jpg

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 ว่า เป็นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมสภานโยบายฯ ซึ่งก่อนหน้านี้การประชุมสภานโยบายฯ มีการประชุมในประเด็นสำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวทางการขับเคลื่อนการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือการพัฒนาองค์ความรู้ชั้นสูง และสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ก่อให้เกิดรายได้และสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้กับประชาชน และประเทศชาติ 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การประชุมวันนี้มีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นไปในการทำงานวิจัย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำมาต่อยอดอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ให้สามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ดึงดูดนักลงทุน และสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรม 4 + 2 เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง โดยทั้ง 4 อุตสาหกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย 

(1) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV)  

(2) อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence: AI) 

(3) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (Semiconductor & Advanced Electronics) 

4. อุตสาหกรรมการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medical Industry) รวมไปถึงอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต คือ 

1) เปลี่ยนผ่านพลังงาน ไปสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) 

และ 2) การสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

IMG_20241018104316000000.jfif

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการพัฒนาบุคลากร ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การผลิตบุคลากรให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมได้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาทักษะ Upskill และ Reskill ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อการเรียนรู้ให้กับประชาชน ผ่านการผลักดันระบบคลังหน่วยกิตกลาง (National Credit Bank :NCB) เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ให้ทุกช่วงวัย โดยหวังว่านโยบายของสภา อววน. จะช่วยผลักดันความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และสังคม แก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ สร้างรายได้ และมีส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนพัฒนาประเทศต่อไป

โดยที่ประชุมเห็นชอบ กรอบแนวทางการนำการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อววน. เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงตามความต้องการของประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขับเคลื่อนภารกิจด้าน อววน. ให้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ โดยการผลิตและพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม มุ่งเน้นใน 4 อุตสาหกรรมเป้าหมายและ 2 วาระ สำคัญเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ได้แก่ 

1) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 

2) อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

3) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 

4) อุตสาหกรรมการแพทย์ขั้นสูง 

และวาระสำคัญ 2 วาระ ประกอบด้วย 

1) การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด 

2) การสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งในมิติของการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การจัดการมลพิษ และการลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่อาจขึ้นได้อนาคต

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงของประเทศ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ครอบคลุมทั้ง Ecosystem ของอุตสาหกรรมดังกล่าว ตั้งแต่การผลิตกำลังคน การยกระดับผู้ประกอบการ ไปจนถึงการพัฒนาศูนย์ทดสอบ โดยในระยะ 5 ปี รัฐบาลตั้งเป้าผลิตกำลังคนเฉพาะทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ไม่ต่ำกว่า 80,000 คน เพื่อรองรับการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมถึงเพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ จากต่างประเทศ ผ่านหลักสูตรในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ได้ออกแบบร่วมกันกับภาคอุตสาหกรรม หรือหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ (Higher Education Sandbox) ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่สามารถผลิตกำลังคนที่มีทักษะและสมรรถนะตรงตามความต้องการได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดตั้ง Training Center 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับและเพิ่มพูนทักษะใหม่ ๆ ให้แก่กำลังแรงงานที่อยู่ในระบบ รวมถึงการวิจัยร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงชั้นนำของโลกได้ในอนาคต

และเห็นชอบโครงการระบบคลังหน่วยกิตกลางหรือ National Credit Bank System ซึ่งในอนาคตผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิต ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเรียนรู้ในห้องเรียน แต่ยังสามารถสะสมหรือเทียบโอนหน่วยกิตที่ได้จากการทำงานหรือประสบการณ์วิชาชีพต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำหน่วยกิตที่ได้ไปเทียบเป็นคุณวุฒิต่าง ๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลักษณะสำคัญ คือ การจับคู่ทักษะ ซึ่งผู้เรียนจะสามารถรู้ได้ว่าตนเองยังขาดทักษะหรือความรู้ในด้านใด และจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกประสบการณ์ด้านใดเพิ่มเติม เพื่อนำตนเองไปสู่เป้าหมายอาชีพที่ต้องการทำในอนาคตได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ที่สามารถมอบรูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น และสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้กับประชากรทุกกลุ่ม โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุและวุฒิการศึกษา

IMG_20241018104324000000.jfif

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 160,136 ล้านบาท โดยงบประมาณด้านการอุดมศึกษาประมาณ 115,000 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในการผลิตและพัฒนากำลังคนทั้งในระบบปริญญา (Degree Program) และหลักสูตรระยะสั้น (Non-degree Program) โดยตั้งเป้าผลิตนักศึกษาในหลักสูตรที่สอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศกว่า 670,000 คน และกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์กว่า 133,000 คน โดยงบประมาณดังกล่าว จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ เช่น การสร้างกำลังคนทักษะสูงในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ๆ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 20,000 คน การสร้างบัณฑิตที่ตอบโจทย์การพัฒนาเชิงพื้นที่ ไม่น้อยกว่า 1,000 คน การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีทักษะสมัยใหม่ ไม่น้อยกว่า 1,000 วิสาหกิจ เป็นต้น ในส่วนของงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการแก้ไขประเด็นวิกฤตและเร่งด่วนของประเทศ โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่