เกือบ 20 คำร้องที่ว่าอาจต้องใช้ข้อพิจารณา-วินิจฉัย หรือพยานหลักฐานเดียวกัน ดังนั้น หากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ชี้ว่าคำร้องใดคำร้องหนึ่ง เข้าข่ายกระทำผิด ก็อาจเป็น “โดมิโน” ไปถึงคำร้องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง
ท่าทีของรัฐบาลนอกเหนือจากตั้งรับ ว่าท้ายสุดองค์กรที่รับคำร้องไว้จะว่ายังไง ก็ต้องตั้งทีมกฎหมายเดินหน้าต่อสู้คดี ซึ่งหัวหน้าทีมกฎหมายก็คือ “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” ในขณะเดียวกันก็สวนหมัด “ฟ้องกลับ” ถ้าคำร้องนั้น ๆ “กล่าวหาให้เสื่อมเสีย-พยานหลักฐานเท็จ” เพราะเท่าที่เผชิญเวลานี้มากมายก่ายกอง ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล เตรียมสังคายนากระบวนการร้องเรียนทั้งแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย
ข้อสังเกตเรื่อง “นิติสงคราม” ผ่านคำร้อง ที่ถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ล่าสุด กกต.ตั้งคณะกรรมการสอบผ่านการรวบคำร้อง มาสอบประเด็นข้อกล่าวหา ยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หนึ่งในนั้นคือการยินยอมให้ “นายทักษิณ ชินวัตร” ครอบงำ-ชี้นำ สืบเนื่องจากเรียกแกนนำพรรคร่วมฯ ถกที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
และที่เป็นข้อสังเกตกันว่าไปสอดรับกับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ซึ่งล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ ส่งหนังสือ ขอความเห็นและความคืบหน้าจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อส่งกลับมาภายใน 15 วันนับแต่ 22 ต.ค.2567 ด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณา วินิจฉัย เหตุมาจากนายธีรยุทธ เคยยื่นคำร้องด้วยข้อกล่าวหาเดียวกันต่ออัยการสูงสุด เมื่อ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ วันนี้ (23 ต.ค.2567) อดีต สส. ตั้งประเด็นยื่นคำร้องต่อศาลฎีกานักการเมือง ครั้งที่ 3 คือการขอให้ไต่สวนการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร กรณีพระราชทานอภัยลดโทษ 1 ปี แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ได้รับโทษนั้นแม้แต่วันเดียว เหตุจากกรมราชทัณฑ์ นำตัวออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้ร้องขออนุญาตต่อศาลเพื่อทุเลาโทษ และการไปรักษาอาการป่วยที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ถือเป็นการจำคุก หรือรับโทษ ซึ่งท้ายสุด อาจส่งผลต่อเกณฑ์การ “พักโทษ” และสุดท้าย ควรกลับมารับโทษหรือไม่
ผูกโยงเกี่ยวเนื่องกันหมด ยิ่งเมื่อโฟกัสไปที่คำร้องต่าง ๆ อย่างที่ยื่นไว้กับ กกต. พุ่งเป้ายุบพรรคเพื่อไทย เหตุแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ด้วยข้อกล่าวหาว่านายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำ ชี้นำ จิกซอว์ไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีและที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ล้วนแต่เป็นข้อกล่าวหาที่เคลือบแคลงสงสัย ปมซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
หรือจะหมายถึง ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ ต้องสิ้นสุดหรือไม่ ด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทั้งกรณีที่ดินธรณีสงฆ์ การถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ และการเป็นกรรมการ 21 บริษัทเครือชินฯ ตลอดจนพฤติการณ์พฤติกรรม แถลงนโยบายยังไม่แล้วเสร็จ แทรกแซงการตั้งคำถามของสื่อ การชูนิ้วมินิฮาร์ตระหว่างสวมชุดปกติขาว
และด้วยข้อกล่าวหาเดียวกันหรือเข้าทำนองเดียวกัน คำร้องเกี่ยวข้องกับ น.ส.แพทองธาร นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ยังมีคำร้องที่ถูกยื่นไว้กับ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดด้วย รวมแล้วเกือบ 20 คำร้อง ตามภาษากฎหมาย นี่อาจเป็น “นิติสงคราม” แต่ตามภาษาการเมือง น่าจะอ่านเกมนี้ว่า “ล้อมคอก”
อ่านข่าวอื่น :
“ทวี” หวั่นต่ออายุความ “ตากใบ” ขัดรัฐธรรมนูญ