หน้าแรก Thai PBS โกรธ 10 ครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว “อนุทิน” ยัน รบ.ยุติธรรมคดีตากใบ

โกรธ 10 ครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว “อนุทิน” ยัน รบ.ยุติธรรมคดีตากใบ

43
0
โกรธ-10-ครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว-“อนุทิน”-ยัน-รบ.ยุติธรรมคดีตากใบ
โกรธ 10 ครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว “อนุทิน” ยัน รบ.ยุติธรรมคดีตากใบ

วันนี้ (23 ต.ค.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ​ รมว.​มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรี ขอให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ช่วยประสานทางวุฒิสภาให้ช่วยผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ในวันดังกล่าวไม่ได้มีการพูดถึง และไม่มีประเด็นของการผลักดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อีกด้วย ส่วนใหญ่การพูดคุยจะเป็นการทำงานให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น หลีกเลี่ยงการนำมาสู่ความไม่เข้าใจกัน

พร้อมกันนี้นายอนุทินยังได้พูดถึงทิศทางของพรรคภูมิใจไทยในการโหวตรายงานผลการศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (24 ต.ค.) ว่าพรรคภูมิใจไทยขอยืนยันหลักการเดิมคือไม่แตะเรื่องมาตรา 112 และ การพิจารณาดังกล่าวเป็นแค่ผลการศึกษา เมื่อสอบถามไปยังหลายพรรคการเมือง เห็นว่าหลายเรื่องยังไม่มีความชัดเจนจึงขอสงวนสิทธิ์เอาไว้

ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ถือเป็นความขัดแย้งในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นความเห็นต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย

เราอยู่รัฐบาลเดียวกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่ถ้าสิ่งใดเป็นประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมืองและประขาชน เราจะต้องยึดถือเรื่องนั้นเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้และสามารถทำงานได้ตลอด แต่ในทางกลับกัน หากเห็นตรงกันทุกเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี

ส่วนกรณีคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ รมว.มหาดไทยระบุว่า ได้ติดตามและพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการมากที่สุด ขอให้มองไปข้างหน้าอย่ามองไปข้างหลัง เขามีสุภาษิตว่าโกรธ 10 ครั้งไม่เท่าให้อภัยครั้งเดียว

ดังนั้น ถ้าเราไปโกรธเราไปเคียดแค้นคิดถึงแต่อดีต ก็มีแต่ก่อให้เกิดการถดถอย แต่ถ้าให้อภัยได้นึกถึงอนาคต จำบทเรียนในอดีตอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นอันขาด น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี และเชื่อว่าจะเกิดความสงบเดินหน้าต่อได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย

นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า คนที่หลบหนีมาโดยตลอดและต้องหลบอยู่ต่อไป แม้จะพ้นอายุความแล้วก็คงจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ คนที่หลบหนีคดีอย่างไรก็ไม่มีความสุข เหมือนเขาถูกลงโทษอย่างหนักหนามาก ทั้งสภาพจิตใจความกดดันต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าเขามีความสุขสบายหรือไม่ต้องรับโทษอะไรเลย เพราะมีโทษทางสังคม และเรื่องความรู้สึกของประชาชนต่อผู้ที่มีโทษอยู่

อ่านข่าวเพิ่ม :

ทนายบอสพอลพา พนง.ดิไอคอน ลงบันทึกประจำวันถูก ตร.ยึดมือถือ

พายุโซนร้อน “จ่ามี” จ่อกระทบ 4 จว.อีสานฝนตก-ลมแรง

“7 รัฐสมรภูมิ” ตัวแปรแห่งชัยชนะ ศึกใหญ่ชี้ชะตา “แฮร์ริส-ทรัมป์”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่