หน้าแรก Voice TV ‘นพดล’ ยัน ‘ชูศักดิ์’ ไม่น้อยใจ ย้ำเพื่อไทยไม่เคยมีมติโหวตตีตกข้อสังเกต ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของแต่ละพรรค ยันเพื่อไทยจะไม่นิรโทษความผิด ม.112

‘นพดล’ ยัน ‘ชูศักดิ์’ ไม่น้อยใจ ย้ำเพื่อไทยไม่เคยมีมติโหวตตีตกข้อสังเกต ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของแต่ละพรรค ยันเพื่อไทยจะไม่นิรโทษความผิด ม.112

19
0
‘นพดล’-ยัน-‘ชูศักดิ์’-ไม่น้อยใจ-ย้ำเพื่อไทยไม่เคยมีมติโหวตตีตกข้อสังเกต-ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของแต่ละพรรค-ยันเพื่อไทยจะไม่นิรโทษความผิด-ม.112
‘นพดล’ ยัน ‘ชูศักดิ์’ ไม่น้อยใจ ย้ำเพื่อไทยไม่เคยมีมติโหวตตีตกข้อสังเกต ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของแต่ละพรรค ยันเพื่อไทยจะไม่นิรโทษความผิด ม.112

‘นพดล’ ยัน ‘ชูศักดิ์’ ไม่น้อยใจ ย้ำเพื่อไทยไม่เคยมีมติโหวตตีตกข้อสังเกต ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะไปพิจารณาว่าจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่  ยืนยันเพื่อไทยจะไม่นิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112

นายนพดล ปัทมะ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (กมธ.) ซึ่งมีคนวิจารณ์ ว่าญัตตินี้เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส. พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน แต่ทำไม ส.ส.พรรคเพื่อไทยโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกมธ.และบางคนแสดงความคิดเห็นไปว่านายชูศักดิ์อาจจะน้อยใจในเรื่องนี้หรือไม่และพรรคเพื่อไทยยอมตามพรรคร่วมรัฐบาลเกินไปหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงในแต่ละประเด็นเป็นข้อๆเพื่อความชัดเจนดังนี้

1. รายงานผลการศึกษาของคณะกมธ.นั้นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือตัวรายงาน และส่วนที่สองคือข้อสังเกตของคณะกมธ. ซึ่งส่วนที่หนึ่งซึ่งเป็นตัวรายงานนั้น สภาผู้แทนราษฎรเพียงแค่รับทราบ โดยไม่ต้องลงมติในขณะที่ส่วนที่สอง ซึ่งเป็นข้อสังเกตนั้น ต้องมีการลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่  แม้สภาโหวตไม่เห็นชอบกับส่วนที่สองซึ่งเป็นข้อสังเกต ตัวรายงานส่วนที่หนึ่งนั้นถูกรับทราบโดยสภาไปแล้วตามกฎหมาย

2. พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้ส.ส.ของพรรคโหวตไปทางหนึ่งทางใด ซึ่งผลปรากฏว่ามีสมาชิกประมาณ 115 คนโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกต ซึ่งก็เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคนซึ่งมีเหตุผลแตกต่างกันไป นายชูศักดิ์เป็นผู้อาวุโส ไม่ได้น้อยใจใดๆ

3. แม้สมมุติว่าสภาเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกมธ. เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม)ไปพิจารณา  ผลการลงมติของสภาก็ไม่สามารถไปบังคับครม.และรัฐบาลให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้อยู่ดี ดังนั้นผลในทางปฏิบัติจึงไม่เกิดขึ้น ส่วนครม.จะขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ครม.หรือรัฐบาลจะไปพิจารณาร่วมกัน ซึ่งไม่ต้องผูกมัดกับมติของสภาผู้แทนราษฎร

4. ต่อไปนี้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะไปพิจารณาว่าจะเสนอร่าง พรบ.นิรโทษกรรมหรือไม่ และถ้าเสนอจะนิรโทษความผิดใดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะรับผิดชอบทางกฎหมายและทางการเมืองของตนเอง

5. พรรคเพื่อไทยยืนยันอย่างหนักแน่นมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายและแนวคิดที่จะรวมความผิดตามมาตรา 110 และ 112 เพื่อนิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ‘การนิรโทษกรรมทางการเมืองนั้นจะต้องนำไปสู่ความปรองดองและสมานฉันท์ในชาติ และไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต หวังว่าทุกฝ่ายจะก้าวข้ามความขัดแย้งและนำประเทศสู่ความมั่นคงทางการเมืองต่อไป’ นายนพดลกล่าว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่