หน้าแรก Thai PBS จับกระแสการเมือง : วันที่ 28 ต.ค.2567 แบ่ง “เกาะกูด” เสียเหลี่ยมกัมพูชา สภาสูงหวั่น DSI ปล่อยผู้ต้องหาคดีดิไอคอน

จับกระแสการเมือง : วันที่ 28 ต.ค.2567 แบ่ง “เกาะกูด” เสียเหลี่ยมกัมพูชา สภาสูงหวั่น DSI ปล่อยผู้ต้องหาคดีดิไอคอน

37
0
จับกระแสการเมือง-:-วันที่-28-ตค.2567-แบ่ง-“เกาะกูด”-เสียเหลี่ยมกัมพูชา-สภาสูงหวั่น-dsi-ปล่อยผู้ต้องหาคดีดิไอคอน
จับกระแสการเมือง : วันที่ 28 ต.ค.2567 แบ่ง “เกาะกูด” เสียเหลี่ยมกัมพูชา สภาสูงหวั่น DSI ปล่อยผู้ต้องหาคดีดิไอคอน

ยังคงเป็นเผือกร้อนของรัฐบาลเพื่อไทย หลัง  “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศจะเดินหน้าเจรจาแบ่งผลประโยชน์ปิโตรเลียมกับกัมพูชา ล่าสุด “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala เรื่อง “หลักฐาน MOU44 ชัวร์หรือมั่วนิ่ม? โดยแนะนำว่า ควรพิจารณาหลักฐานก่อนว่า MOU 2544 ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?

ด้วยหลักฐานที่ปรากฏใน MOU 44 คือ มีการกำหนดพื้นที่ในอ่าวไทยสองพื้นที่ คือ พื้นที่ที่ต้องแบ่งเขต และ พื้นที่พัฒนาร่วม, กรอบขอบเขตทั้งสองพื้นที่ ทิศเหนือและทิศตะวันตก กำหนดโดยเส้นแบ่งเขตของกัมพูชาที่ประกาศในปี 2515 ทิศตะวันออก กำหนดโดยเส้นแบ่งเขตของไทยที่ประกาศในปี 2516

ขณะที่อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “สุริยะใส กตะศิลา” ในฐานะคณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ยังเกาะติดเรื่องดังกล่าว ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “เจรจาเกาะกูด ระวังบานปลาย ทุกพรรคการเมืองต้องแสดงจุดยืน” ระบุว่า ข้อพิพาทเกาะกูด ที่มีประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น น่าเป็นห่วงสถานการณ์อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ ถ้ารัฐบาลยังดันทุรัง วางแผนเจรจาจัดสรรผลประโยชน์ ร่วมกับทางกัมพูชา โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของสังคมที่ออกมาจากหลายฝ่ายว่าไทยกำลังเสียเหลี่ยมให้กัมพูชา จากข้อตกลงใน MOU 44

การอ้างเรื่องเพื่อผลประโยชน์ด้านพลังงานของคนไทยฟังดูดี แต่ย้อนแย้งกับนโยบายและการบริหารจัดการเรื่องพลังงานในปัจจุบันที่คนไทยยังใช้ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันแพงจากการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงาน ? และประเด็นสำคัญเรื่องนี้จุดยืนเรื่องดินแดนหรืออธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญและมาก่อนผลประโยชน์เรื่องอื่น ๆ

นอกจากนี้ การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ในแถบอ่าวไทยที่ไปเชื่อมต่อกับทะเลจีนใต้ก็มีปัญหาและเปราะบางมากที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงต้องมองให้ขาด เรื่องนี้พรรคการเมืองทุกพรรคจึงควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจนอย่าให้ผลประโยชน์ทางการเมืองบังตา

โดยตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า ไม่แปลกใจกันหรืออย่างไรที่ทุกครั้งพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมักจะเร่งรัดเปิดประเด็นเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด

ได้ข้อสรุป คดีดิไอคอนกรุ๊ป ส่งไม้ต่อ ให้ดีเอสไอ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ระบุว่า ตำรวจจะโอนสำนวนคดีทั้งหมดในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นผู้ดำเนินคดีต่อ โดยจะมอบทุกอย่างที่มีให้และมั่นใจว่าเพียงพอที่จะนำไปขยายผลและสอบสวนต่อ แต่ บช.ก. ยังดำเนินการรับเเจ้งความในคดีนี้

โดยดีเอสไอสามารถประสานขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย พร้อมเเจ้งข้อหากับ 18 บอส ดิไอคอนเพิ่มเติม รวมถึงเเม่ข่ายและผู้ต้องหาในล็อตที่ 2 ซึ่งดีเอสไอจะต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

สภาสูงเอาด้วย “ชิบ จิตนิยม” ส.ว.สายสื่อมวลชน ตั้งกระทู้ถาม “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการการแก้ไขปัญหากรณีความเสียหายจากปัญหาธุรกิจเครือข่าย ดิไอคอนกรุ๊ป ที่มีผู้เสียหายเกือบ 10,000 คน และลุกลามทั่วโลก ว่าความเสียหายจากปัญหาธุรกิจเครือข่าย ดิไอคอนกรุ๊ป ยังลุกลามบานปลายไม่หยุด

ตัวเลขจากสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อค่ำวันที่ 27 ต.ค.สรุป ระหว่างวันที่ 10-27 ต.ค. มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 9,472 คน ความเสียหายเกือบ 3,000 ล้านบาท สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว 5,999 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,728 ล้านบาท

พิษของดิไอคอนระบาดไปเกือบ 20 ประเทศ ทั้งเอเชียและยุโรป ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ และพำนักอยู่ที่นั่น นอกจากจะลงทุนด้วยตัวเองแล้วยังชักชวนญาติชาวต่างชาติให้มาร่วมเปิดบิลลงทุนกับดิไอคอน รวมความเสียหายตรงนี้อีกกว่า 20 ล้านบาท ดังนั้นการส่งคดีให้ดีเอสไอ ถูกต้องหรือไม่

“หวั่นว่า หากดำเนินการไม่เสร็จทันตามกรอบเวลา อาจจะต้องมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาจากการคุมขัง ทำให้ผู้ต้องหารอดคดี รวมถึงมาตรการควบคุมป้องกันการใช้สื่อหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ให้มีการโฆษณาหลอกลวงประชาชน ลงทุนธุรกิจขายตรง โดยการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาสร้างความน่าเชื่อถือ การทำหน้าที่กำกับดูแลของ กสทช. รวมถึงแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหาย ให้ได้รับความยุติธรรม”

เลาะรั้วสามพราน โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยแพร่เอกสาร แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจประพฤติผิดจริยธรรม และการแต่งตั้งอาจารย์พิเศษ โดยระบุว่า จากกรณีข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประพฤติผิดจริยธรรมและการแต่งตั้งอาจารย์พิเศษของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) นั้น

รร.นรต. ขอแจ้งผลการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ประชุมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดติดตามผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ตามที่สั่งการไว้เมื่อ 26 ตุลาคม 2567

สาระสำคัญคือ 1. ผลการตรวจสอบคุณสมบัติอาจารย์พิเศษ คือ น.ส.ธณัฏฐา มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ รร.นรต. กำหนดไว้ จึงให้มีการทำคำสั่งถอดถอนจากการเป็นอาจารย์พิเศษทุกรายวิชา โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏข้อเท็จจริงอันมีมูลให้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำคำสั่งอาจารย์พิเศษดำเนินการโดยพละการในการเพิ่มเติมรายชื่ออาจารย์พิเศษราย น.ส.ธณัฏฐา ซึ่งไม่เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนที่ รร.นรต. กำหนดไว้ จึงให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานต้นสังกัดปรากฎข้อเท็จจริงอันมีมูลให้เชื่อว่าอาจารย์สังกัด รร.นรต. รายดังกล่าว ประพฤติผิดจริยธรรมตามที่เป็นข่าวจริง จึงให้มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป

อ่านข่าว

เทรนด์ฮาโลวีน 2024 โบกมือลาขยะ “คืนสยองรักษ์โลก” มาถึงแล้ว

สั่งย้าย “ครูฝึก” ลงโทษนักเรียนนายสิบตำรวจจนถูกหามส่ง รพ.

CBI ส่งมอบสำนวน “ดิไอคอน” ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่