ป้องเมืองหลวงเสื้อแดง หลังอุดรโพลระบุ “คณิศร ขุริรัง” ผู้สมัครนายกฯ อบจ.พรรคประชาชน ทิ้งห่าง “ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครฯของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี วันที่ 24 พ.ย.นี้ ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” บิ๊กบอสตัวจริงของพรรคเพื่อไทย ต้องเดินทางไปล้อมเมืองหลวงในรอบ 18 ปี หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยขึ้นเวทีช่วยหาเสียงให้ “ศราวุธ” ที่วัดศรีนคราราม อ.กุมภวาปี
โดยมีแฟนคลับ และ สส.และอดีตกองเชียร์มาเจอหน้าหนาแน่น ทั้ง “ไชยา พรหมา” อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์, เกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมช.มหาดไทย และ “ขวัญชัย ไพรพนา” อดีตประธานชมรมคนรักอุดร
ส่วนพรรคประชาชน จะส่ง “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเดินทางไปช่วย “คณิศร” ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ เช่นเดียวกัน หลังโพลชี้ ชาวอุดรธานีเลือกเพราะนโยบายผู้สมัครมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 55.7 รองลงมาคือ เชื่อมั่นว่าผู้ที่เลือกจะทำหน้าที่ได้ดี ร้อยละ 36.6 เลือกที่ผลงานที่ผ่านมาของผู้สมัคร ร้อยละ 27.9 ขณะที่เลือกเพราะพรรคการเมืองที่สนับสนุน ร้อยละ 26.6 ผู้สมัครเข้าถึงประชาชนได้ทั่วถึง ร้อยละ 25.2 เลือกเพราะการปราศรัยหาเสียง ร้อยละ 22.0 ป้ายหาเสียงมีความน่าสนใจ ร้อยละ 20.5 เลือกจากครอบครัวหรือ เพื่อนแนะนำ ร้อยละ 17.0
กมฺมุนา วตฺตตีโลโก ดังที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เคยบอกไว้เมื่อครั้งถูกทนายตั้ม “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” แอบอ้างชื่อรีดทรัพย์ “หนึ่ง บางปู” 10 ล้านบาท แต่เคราะห์ยังไม่จบหลังยื่นฟ้อง อดีต ผบ.ตร., คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และนายกรัฐมนตรี กรณีมีคำสั่งให้ออกจากราชการไม่เป็นธรรม เนื่องจากถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน
และมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMaster ถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
ล่าสุด ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติพิจารณายกคำร้องที่ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้กลับเข้ารับราชการระหว่างการพิจารณาคดี ทำให้ไม่ได้กลับไปปฎิบัติหน้าที่ที่ ตร.
ไม่ง่าย “กิตติรัตน์ ณ ระนอง“ นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ เมื่อ “ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “รู้ทันกฎหมายกับทนายเชาว์ มีขวด” เรื่อง “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคณะกรรมการคัดเลือก 7 คน จึงมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และเตือนไว้เลยว่า ใครก็ตามที่ลงคะแนนให้ นั่งเก้าอี้ตัวนี้ เตรียมสู้คดีในชั้นศาล ที่อาจต้องจบที่เรือนจำได้เลย
ด้วยเหตุระเบียบชี้ชัดเคยเป็น “ที่ปรึกษาของนายกฯ” สมัยเศรษฐา ทวีสิน มาก่อน แม้ไม่ใช่ ขรก.การเมือง แต่มีหน้าที่ที่ทำตามคำสั่งนายกฯ ถือเป็น “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” อย่างแน่นอน ด้วยระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือก การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551
กำหนดไว้ชัดเจนในหมวดที่ 2 การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไว้ในข้อ 16 (4) ว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม “เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
พลังประชารัฐสู้ต่อ แม้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่ตอบคำถามเอ็มโอยู 44 สมัยดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะเจรจาตามกรอบเอ็มโอยู 44 แต่ส่ง ไม้ต่อให้ “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า จะทำทำทุกวิถีทางเพื่อยกเลิกเอ็มโอยู 44 เพื่อรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินไทยทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
ส่วนปัญหา “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับคดีรีดทรัพย์ 20 ล้านบาทจากบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด นั้น พล.ต.ท.ปิยะ บอกว่า ที่ผ่านมา ฟิล์ม รัฐภูมิ ไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับพรรคพลังประชารัฐมานานแล้ว และหากเป็นสมาชิกพรรคก็จะดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม และจะเข้มงวดในการตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกมากขึ้น
เริ่มบุกชั้น 14 รังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ฯ สภาผู้แทนราษฎร บอกว่า พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน จะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น จะเรียกความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านกลับคืนมา หลังเรียกประชุมคณะกรรมาธิการฯครั้งที่ 2 เพื่อ พิจารณาเรื่อง “ทักษิณ” ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์กันแน่
ครั้งแรกเชิญหมอและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์มาชี้แจง ถูกซักถามจนไม่สามารถตอบคำถามได้ แสดงให้เห็นความมีพิรุธหลายประเด็น ถ้าเป็นจริงจะไม่มีปัญหา ในการตอบคำถามเลย แต่เมื่อเป็นการเติมแต่งคำตอบ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อาการของคนที่มาชี้แจงอึดอัดในการตอบ เพราะเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือข้าราชการชั้นผู้น้อย ตอบอะไรผิดพลาดไป ก็อาจกระทบต่อหน้าที่การงานทางราชการได้
และการประชุมครั้งต่อไป จะเชิญ “ทักษิณ“ ตัวปัญหาที่แท้จริงมาชี้แจงให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ซักถาม แต่เชื่อว่านายทักษิณจะไม่กล้ามาตามคำเชิญอย่างแน่นอน เพราะไม่กล้าเผชิญความจริง และกลัวจะถูกคณะกรรมธิการอย่างเช่น นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ซึ่งเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแพทย์เป็นอย่างดี ซักถามจนสามารถที่จะค้นหาความจริงได้ ว่าป่วยจริงหรือทิพย์กันแน่
อ่านข่าว : ปิดตำนาน 21 ปี คดี “โฉนดถุงกล้วยแขก” วัดสวนแก้วแบ่งจ่ายค่าเสียหาย 4 งวด รวม 1.9 ล้าน