หน้าแรก Thai PBS “ทักษิณ” วิเคราะห์ “รัฐบาลแพทองธาร ” อยู่ครบเทอม

“ทักษิณ” วิเคราะห์ “รัฐบาลแพทองธาร ” อยู่ครบเทอม

14
0
“ทักษิณ”-วิเคราะห์-“รัฐบาลแพทองธาร-”-อยู่ครบเทอม
“ทักษิณ” วิเคราะห์ “รัฐบาลแพทองธาร ” อยู่ครบเทอม

วันนี้ (14 พ.ย.67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการขึ้นเวทีปราศรัยว่า การปราศรัยย้ำหลายครั้งว่าตัวเองกลับมาแล้ว เพียงแค่อยากช่วยบ้านเมือง ในฐานะที่เคยเป็นอดีตนายกฯ และเป็นคนไทย อดไม่ได้ที่จะห่วงใยบ้านเมือง เห็นอะไรไม่ดีก็อดไม่ได้ 

นอกจากนี้ กรณีที่กล่าวถึงบนเวทีได้มีการพูดถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบกับมีกระแสข่าวว่ารัฐบาล จะอยู่ไม่ถึงตรุษจีนปีหน้า โดยนายทักษิณระบุว่้า วิเคราะห์ว่าว่าน่าจะอยู่ครบเทอม ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นปัญหา พรรคร่วมเห็นต่างกันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงเวลาเขาก็คุยกันรู้เรื่องหมด เพราะนายกฯ สามารถเชิญแต่ละพรรคร่วมคุยกันก็รู้เรื่องหมด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คดีความต่าง ๆ ที่นายกฯถูกร้องเรียนนั้นจะเป็นอุปสรรคทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร คือ บ้านเรา กฎหมายอยู่ที่คนจะตีความ ถ้าคนอยากจะหาเรื่องมันก็คิดหาเรื่องทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องให้ความสำคัญมาก เราทำอะไรให้ถูกต้อง ก็เท่านั้นแหละ

เมื่อถามต่อว่า ที่ปราศรัยใช้คำว่า “กฎหมายเฮงซวย ” ตอนที่พูดนั้น คิดถึงเรื่องอะไร นายทักษิณตอบว่า ตนจำไม่ได้ แต่กฎหมายเรา ไปแก้โดยมองคนมากไป ช่วงนั้นเขากลัวผมพยายามเขียนกฎหมายกันนั่นกันนี่ แต่กันไปกันมาไม่ได้ กันผมแค่คนเดียว กลายเป็นกันระบบ แทนที่จะมีคนมาช่วยทำงานให้บ้านเมือง คนตั้งใจและมีความปรารถนาที่ดี มีความคิดดี ๆ มาช่วยกัน ก็จะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเข้ามา เมื่อไม่มีใครอยากเข้ามา ก็ได้คนที่มีคุณภาพไม่พอ เข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ขณะที่ทั้งโลกพยายามระดมคนหัวดีมาช่วยงานกัน แต่บ้านเราเอาเฉพาะพวกเดียวกัน แบบนี้นั้นไม่ได้ ต้องเห็นแก่ส่วนรวม

เมื่อถามว่า ที่พูดบนเวทีว่ามีคนอิจฉาหมายถึงใคร หรือกลุ่มใด นายทักษิณกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าทุกคนเดาได้ การแข่งขันทุกอย่างต้องมีกติกา เมื่อจบการแข่งขันทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน มีสปิริตความเป็นนักกีฬา ไม่ใช่บอกว่า บอลแข่งแพ้ แล้วใช้ปืนยิงอย่างนี้มันใช้ไม่ได้

นายทักษิณยังกล่าวถึงระบบราชการของประเทศไทย ขยายในช่วงที่ไม่อยู่ 17 ปี แล้วส่วนราชการที่ขยายมากคือส่วนภูมิภาค และแทนที่จะกระจายอำนาจให้ประชาชนมากขึ้น กลับไปเพิ่มอำนาจให้ภาครัฐที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ระบบราชการเทอะทะ และประชาชนไม่มีสิทธิ์มีเสียง

เมื่อถามว่า ที่พูดบนเวทีว่ากลางปีประเทศไทย จะมีแสงสว่าง จะมีอะไรออกมาให้ประชาชนเห็น นายทักษิณกล่าวว่า เชื่อว่างานที่ตนและนายกฯแพทองธาร จะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้น ซึ่งนายกฯจะแจ้งก่อนสิ้นปีนี้ และก็จะสัมฤทธิ์ผลแทบทุกอย่าง ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการแก้ไขปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน

นายทักษิณ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ที่วัดคลองครุว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อกินมาม่า โดยระบุว่า “ผมบอกแล้วว่ามาม่าอร่อย ผมโฆษณาให้มาม่า ” และเมื่อถามว่าระหว่างดูแลครอบครัวชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ให้ยิ่งใหญ่จะต้องทำอย่างไร นายทักษิณระบุว่าไม่ต้องทำอะไรเลย

ขณะที่ เรื่องการนิรโทษกรรม ในประเด็น ม.110 และ ม.112 นายทักษิณระบุว่าคดี ม.112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง ม.112 แต่จริง ๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตัวเองก็เป็นผู้ได้รับผลกระทบคนหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย ม.112

นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังกล่าวถึง โอกาสในการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในสมัยประชุมหน้า ในความร่วมมือของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน จะมีหรือไม่ว่า โดยนายทักษิณระบุว่า ไม่อยากไปให้ความเห็นในเรื่องนี้ ไม่อยากมีบทบาท เดี๋ยวจะหาว่าเพราะคนนั้นคนนี้ ถ้าเราอยู่บนหลักการทุกอย่างมีทฤษฎี มันก็จะไม่เป็นแบบนี้ แต่เนื่องจากว่า เราไปมองว่าเป็นเรื่องของพวกใครพวกมันมากกว่า มันถึงได้เป็นปัญหา ถ้าเมื่อไหร่เราจิตใจนิ่งสงบ คิดถึงหลักการเป็นหลักไม่คิดถึงพวกใครพวกมันก็จะดีขึ้น

เมื่อถามว่า มองว่าอะไรที่ทำให้ข้อหาไม่จงรักภักดี ใช้ได้ได้ผลเสมอในทางการเมือง นายทักษิณตอบว่า “ก็การเมืองไง ดูสิ ผมนี่โดนหนักที่สุด ทั้งๆที่เป็นคนที่ถวายงานที่สุด แต่ด้วยความหมั่นไส้ เป็นเรื่องธรรมดา“

เมื่อถามต่อว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 ,รัฐประหารปี 2557 จนถึงพรรคการเมืองถูกยุบเพราะมีนโยบายแก้ไข ม.112 นายทักษิณ ตอบว่า จริง ๆ แล้ว เคยคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า ตนเองก็โดน 3 พรรค และต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี

ดังนั้นขอให้เราช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้มันจะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบัน เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ไม่ได้บอกว่านายธนาธร หรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตราย กว่าความตั้งใจที่จะทำ

เมื่อถามว่าหากจะแก้ปัญหาโดยไม่แตะโครงสร้างจะมีวิธีการอย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ต้องทำตามหลักการของกฎหมาย ถ้ากฎหมายไม่ดีก็ต้องแก้ไขกฏหมายไปที่ละขั้นตอน ไม่ใช่บอกว่ากฎหมายไม่ดีต้องไม่ทำเลย เพราะกฎหมายมันมีอยู่

อ่านข่าว : “ทักษิณ” หยิบเสื้อตัวเก่งสมัยนั่งนายกฯ ทัวร์อีสานวันสอง 

จับกระแสการเมือง : วันที่ 13 พ.ย.2567 ชิงเมืองอุดรฯ ศึกศักดิ์ศรี “พิธา-ทักษิณ” พปชร.เท “ฟิล์ม” สู้ต่อเลิกเอ็มโอยู 44  

“ทักษิณ” ขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงนายก อบจ.อุดรธานี

 

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่