หน้าแรก Voice TV ‘ชัชชาติ’ ผู้ว่าฯกทม. ขอสภาฯกทม. พิจารณางบฯกว่า 14,000 พันล้าน จ่ายหนี้ BTS

‘ชัชชาติ’ ผู้ว่าฯกทม. ขอสภาฯกทม. พิจารณางบฯกว่า 14,000 พันล้าน จ่ายหนี้ BTS

25
0
‘ชัชชาติ’-ผู้ว่าฯกทม-ขอสภาฯกทม.-พิจารณางบฯกว่า-14,000-พันล้าน-จ่ายหนี้-bts
‘ชัชชาติ’ ผู้ว่าฯกทม. ขอสภาฯกทม. พิจารณางบฯกว่า 14,000 พันล้าน จ่ายหนี้ BTS

ที่ประชุมสภาฯกทม.มีมติ ‘เห็นชอบ’ รับหลักการร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กว่า 14,000 พันล้าน จ่ายหนี้ BTS เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2567 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. …. เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดตามความจำเป็นที่หน่วยงานเสนอ เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยจ่ายขาดจากเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครต้องชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถฯ ภายใน 180 วัน ครบกำหนดวันที่ 21 มกราคม 2568 และขณะนี้ระยะเวลาได้ผ่านล่วงมาแล้ว มีผลให้กรุงเทพมหานครต้องชำระดอกเบี้ยอันเกิดจากความล่าช้าในการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาล เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับกรุงเทพมหานคร จึงเห็นควรเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ…

ซึ่งบรรยากาศในการประชุมพิจารณาญัตติดังกล่าวสมาชิกสภา กทม. ได้ผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายและโต้แย้ง ทั้งในเรื่อง การชี้มูลความผิดของ ปปช. และคำพิพากษาของศาลปกครองที่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยรายวันกว่า 2.7 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายสนับสนุนให้ กทม. เร่งชำระหนี้ เพื่อไม่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากดำเนินการล่าช้าเกรงว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี ให้ข้อสังเกตว่า ขอชื่นชม ฝ่ายบริหารของกรุงเทพมหานคร ที่ได้ยื่นเรื่องต่าง ๆ เข้ามาให้สภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ และในอนาคตหากมีการพิจารณาโดยมีการพูดถึง บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้เดินรถ BTS ก็ขอให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลที่ส่งผลกระทบกับบุคคลภายนอกดังกล่าวด้วย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในส่วนของสำนวนที่ ป.ป.ช. ส่งมาให้กทม.นั้น ห้ามมิให้เปิดเผยสำนวนการไต่สวน โดยเฉพาะชื่อผู้กล่าวหา ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ซึ่งเป็นพยาน หรือการกระทำใด ๆ อันให้ทราบถึงรายละเอียด ตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดังนั้น กทม. จึงยังไม่สามารถส่งสำนวนให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาได้ เนื่องจากป.ป.ช. ยังไม่อนุญาต แต่ข้อกังวลเรื่องนี้ก็ตกไปเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว จนนำมาซึ่งการมีคำสั่งให้ กทม .จ่ายเงินชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถฯ 14,549,503,800 บาท ดังนั้นในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและอาญา จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ตามคำสั่งของ ป.ป.ช.

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง กล่าวว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้มีการพิจารณาเรื่องการชำระหนี้ BTS หลายครั้ง โดยได้ให้คำแนะนำผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ในการยื่นเรื่องสอบถามข้อกฎหมายจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ในการชำระหนี้ให้ BTS ซึ่งอยากจะให้สภากรุงเทพมหานครแห่งนี้เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากส่งผลกับดอกเบี้ยรายวันที่ส่งผลกระทบกับงบประมาณของกรุงเทพมหานคร

นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า ขอให้สภากรุงเทพมหานคร เร่งพิจารณา เรื่องจ่ายหนี้ BTS โดยเร็ว เนื่องจากยังมีหนี้อีก 2 ก้อนที่  BTS ฟ้องกทม. อีกกว่า 11,000 ล้านบาท และอีกก้อนกว่า 13,000 ล้านบาท รวมแล้ว 3 ก้อนกว่า 40,000 ล้านบาท และมีการเสียดอกเบี้ย 8% ต่อวัน ประมาณ 7 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วให้กทม. จ่ายชำระหนี้ก้อนแรก 14,000 ล้านบาท ก็ควรจะเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับดอกเบี้ยรายวัน และจะได้เป็นการวางแผน การชำระหนี้ก้อนต่อไปอีกด้วย ซึ่งหากดำเนินการได้เร็วก็ยิ่งส่งผลดีต่อการลดดอกเบี้ยให้กทม.

ทั้งนี้ สำหรับยอดหนี้ที่จะต้องแบ่งชำระให้เอกชนมี 4 ส่วนดังนี้

1.ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ให้กทม.และเคทีร่วมกันชำระให้กับ BTS เป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท

2.ยอดหนี้ที่ BTS ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565 ให้กทม. และเคที ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับ BTS ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

3.ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท

4. ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585 ที่จะหมดอายุสัญญาสัมปทาน

“ขณะนี้เรามองไปถึงอนาคต ที่ยังมีหนี้อีก 1 ก้อน ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง รวมถึงสัมปทานที่ให้เอกชนดำเนินการเดินรถฯ ที่จะหมดลงในปี 2572 ทำให้การเดินรถ BTS ช่วงไข่แดง (ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทางรวม 23.5 กม. 24 สถานี) ก็จะกลับมาเป็นของ กทม. ทั้งหมด ทั้งส่วนของรายได้และตัวโครงสร้าง กทม.จึงต้องเตรียมวางแผนเรื่องจ้างที่ปรึกษาฯ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนต่อไป โดยต้องผ่านกระบวนการคิดร่วมกับสภากรุงเทพมหานครให้รอบคอบตามประเด็นข้อบัญญัติต่าง ๆ ของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเป็นคดีความต่อไปในอนาคต” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ยื่นคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีใหม่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 คดีหมายเลขดำดำที่ อ.2226/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อ.725/2567 มีผลพิจารณาคดี ดังนี้

1. ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่ง ไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสังชี้ขาดคดีปคครองใหม่ ตามมาตร 75 วรรคหนึ่ง (1) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 หนังสือแจ้งคำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ พม. 76/2567 คดีหมายเลขแดงที่ พน. 92/2567 ลงวันที่ 5 พ.ย. 2567 และหนังสือแจ้งคำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ พม. 81/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ผม. 93/2567 ลงวันที่ 5 พ.ย. 2567

2. สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสูงสด พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขลขดำที่ พบ. 81/2567 คดีหมายเลขแดงที่ พม. 93/2567 ดังกล่าว ชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว จึงควรไม่อุทธรณ์ หนังสือด่วนที่สุด ที่ อส 0042.2/2064 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 เรื่อง แจ้งคำสั่งของศาลปกครอง

3. สำนักงานกฎหมายและคดี เห็นควรไม่อุทธรณ์ ตามควานเห็นของสำนักการจราจรและขนส่ง ซึ่งไม่มีความเห็นใดที่จะมาขัดหรือแย้งคำวินิจฉัยของศาลปกครองสงสูงสุดได้ ประกอบกับต้องเร่งรัดชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อมิให้เกิดภาระดอกเบี้ย ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ กท 0405/6695 ลงวันที่ 11 พ.ย. 2567 เรื่อง รายงานผลคดี ขออนุมัติไม่อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางฯ

โดยที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบรับหลักการแห่งร่างข้อบัญญัตินี้ และได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. …. 24 ท่าน โดยกำหนดระยะเวลาการแปรญัตติ 10 วันทำการ และกำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่