‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เห็นด้วยกับร่างแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมของส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้เห็นความพยายามทำให้กองทัพทำงานสอดคล้องกับรัฐบาลเลือกตั้ง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เผยผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ว่า
โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับร่างแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมของส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะเชื่อหรือคาดหวังว่าจะสกัดการรัฐประหารได้ แต่เห็นว่าเป็นความพยายามทำให้กองทัพทำงานสอดคล้องกับรัฐบาลจากการเลือกตั้งมากขึ้น
พอมีข้อคัดค้านจากหลายฝ่าย และประเมินจากข้อเท็จจริงว่าโอกาสสำเร็จมีน้อย ระหว่างจะได้กฎหมายที่ฝ่ายการเมืองกำกับกองทัพ กับเกิดสถานการณ์ให้กองทัพมีปฏิกริยาต่อการทำงานของรัฐบาล อะไรจะเกิดขึ้นก่อนยังคิดยาก เมื่อผู้เสนอร่างจะถอน ก็ยังมีร่างอีกฉบับซึ่งกระทรวงกลาโหมเป็นผู้เสนอ หากนำเข้าสภาก็ยังมีโอกาสทำเรื่องนี้ ในชั้นกรรมาธิการยังพูดคุยกันได้ แม้จะไปไม่ไกลมากแต่คงขยับได้เป็นบางก้าว และใช่ว่าจะไม่มีโอกาสอีกหลายก้าวในอนาคต
ผมไม่เชื่อว่ากฎหมายจะห้ามรัฐประหารได้ เพราะคนจะทำย่อมมองข้ามทุกกฎหมาย และผมก็ไม่ยอมรับว่าในระบอบประชาธิปไตยมีเงื่อนไขใดๆ ให้รัฐประหาร ที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง ล่าสุดชัดเจนว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดของคนบางกลุ่มที่จะล้มรัฐบาลเลือกตั้ง เส้นทางตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงยึดอำนาจถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ถ้าจะมีพลังที่คาดหวังว่าต้านรัฐประหารได้ สิ่งนั้นคืออำนาจอธิปไตยของประชาชน แต่ที่ผ่านมาประชาชนฝ่ายที่ต้องการรัฐประหารก็มีจำนวนหนึ่ง แม้ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่แต่ก็มากพอให้ฝ่ายก่อการอ้างความชอบธรรม ถ้านักการเมืองโกง กลไกตรวจสอบยังทำหน้าที่ได้ แต่ถ้าประชาชนขัดแย้งและส่วนหนึ่งสนับสนุน ก็ไม่มีกฎหมายอะไรป้องกันรัฐประหารได้
ผมคิดแบบนี้คงไม่มีใครเหมาว่าพูดกับชนชั้นนำเจ้าของใบอนุญาตที่ไหน ผมพูดกับประชาชนซึ่งมีสิทธิ์เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ถ้าการพูดอะไรแบบนี้เป็นการพูดกับชนชั้นนำเสียหมด พรรคการเมืองหนึ่งที่ต้องคดีแก้ไข ม.112 ซึ่งผมแสดงจุดยืนไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยทั้งการยุบพรรคและเล่นงานกันด้วยข้อหานี้ แต่พรรคนั้นลบนโยบายเรื่องนี้ออกจากเว็บไซต์และไม่มีการนำกลับมาอีกเลย ไม่รู้เป็นการพูดกับประชาชนหรือสื่อสารกับใคร
ส่วนการใช้อำนาจก็เห็นว่าพรรคการเมืองที่ยืนอยู่ในสนามวันนี้แทบไม่ต่างกัน ที่ตั้งรัฐบาลได้ก็ทำงาน ที่ตั้งไม่ได้ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ที่ถูกร้องก็แก้คดี ที่ถูกยุบก็ตั้งพรรคใหม่ แล้วต่างฝ่ายก็เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป มีใบอนุญาตจากใครหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เท่าที่เห็นยังไม่มีใครทำอะไรเกินหรือพิศดารไปจากนี้