วันนี้ (18 ธ.ค.2567) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปราจีนบุรี ไปยังบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านหลังนี้ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.
โดยเฉพาะประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับ “วิถีกระสุน และร่องรอยที่ปรากฏ” เพื่อยืนยันหลักฐานที่ส่งไปยังห้องปฏิบัติการก่อนหน้านี้ ทั้งหัวกระสุน , ปลอกกระสุน หรือ คราบเขม่าดินปืน เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามรูปแบบที่ควรจะเกิดขึ้นหรือไม่ และไม่ให้เกิดข้อครหาจากสังคม โดยเฉพาะจำนวนผู้ก่อเหตุ ที่อาจมีมากกว่า 2 คน
ส่วนประเด็นที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมตำรวจไม่ออกหมายจับ หลานเขย และลูกเขยของนายสุนทร ทั้งที่ทั้ง 2 คน อยู่ในวันเกิดเหตุนั้น ตำรวจระบุว่า ทั้ง 2 คน อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุ แต่อยู่คนละพื้นที่ ไม่เห็นเหตุการณ์ การออกหมายจับใคร ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งการตั้งสมมุติฐาน ไม่สามารถออกหมายจับได้
อ่านข่าว เก็บศพ “สจ.โต้ง” รอความชัดเจนคดี คนดังการเมืองร่วมงาน
“สจ.จอย” พร้อมชิงนายก อบจ.ปราจีนบุรี
ขณะที่ช่วงเย็นมีพิธีวางดินบรรจุศพ นายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง ที่วัดมะกอกสีมาราม จ.ปราจีนบุรีมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พร้อมกับ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือสจ.จอย
ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า วันนี้มาแสดงความอาลัย สจ.โต้ง เพราะเป็นน้องรักมานานพร้อมบอกว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน ได้พบกับ สจ.โต้ง และภรรยา โดยเป็นผู้พาทั้ง 2 คนไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทยด้วย
ด้านน.ส.ณภาภัช กล่าวว่า เบื้องต้นตามที่ท่านธรรมนัสพูด ร.อ.ธรรมนัส เปรียบเหมือนตัวแทน สจ.โต้ง
ยืนยันว่าจะลงในนามพรรคเพื่อไทย เป็นการสานฝัน และทำตามเจตนารมของพี่โต้งตั้งใจอยากจอยเป็น นายก อบจ.
อ่านข่าว ยิง “สจ.โต้ง” เสียชีวิตคาบ้านสุนทร วิลาวัลย์
ผบ.ตร.รอโอนคดีสจ.โต้ง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าโอนสำนวนคดี สจ.โต้งมาให้กองบังคับการปราบปรามว่า คดีนี้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี บริหารจัดการคดีได้เป็นอย่างดี แต่ในกระบวนการโอนคดีต้องเข้าเงื่อนไขด้วย ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิตมีประสงค์ที่จะโอนคดีมายังกองบังคับการปราบปราม
ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี และกองบัญชาการสอบสวนกลาง ร่วมกันพิจารณา โดยจะเสนอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้หรือพรุ่งนี้ยังไม่ทราบ เพราะต้องพูดคุยเรื่องความชัดเจนของคดี และความเป็นธรรมของผู้ร้องขอ
ขั้นตอนจากนี้จะเข้าสู่การพิสูจน์ทราบ การรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ทั้งการเก็บรายละเอียด DNA วัตถุพยาน เขม่าดินปืน พยานบุคคลที่ต้องสอบสวน เพื่อสนับสนุนองค์ประกอบฐานความผิดที่ได้แจ้งผู้ต้องหาทั้ง 7 คนแล้ว
เมื่อถามว่ามีกี่กลุ่มที่จับตาเป็นพิเศษ ผบ.ตร.กล่าวว่า มีข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าท่านคิดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลแล้ว ทำสิ่งใดที่นอกเหนือกฎหมาย ไปเยี่ยมแน่นอน โดยตั้งแต่ที่รับตำแหน่ง เปิดยุทธการปราบปรามผู้มีอิทธิพลไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจมาก แต่พอเกิดเรื่องที่ปราจีนบุรี เป็นบทเรียนที่ทำให้เห็นว่านิยามของคำว่า “ผู้มีอิทธิพล” ไม่เพียงพอกับการที่เราจะเปิดยุทธการ เพราะจะต้องมีมาตรการ และวิธีการที่มากกว่านั้นอีก
อ่านข่าวอื่นๆ
คุม “สุนทร” นายก อบจ.ปราจีนฯ ลูกน้อง 7 คน สอบปมยิง “สจ.โต้ง”